ชาวบ้านบ้านในพื้นที่ ต.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน เดือดร้อนหนักหลังสะพานข้ามบ้านวังสะแกง ถูกน้ำปิงน้ำปิงซัดขาด บางรายนาข้าวที่ปลูกไว้ในฝั่ง อ.จอมทอง กำลังโต ต้องขับรถอ้อมไปถึง 6 กม.เพื่อไปดูแลนาข้าวทุกวัน
ความคืบหน้า เหตุการณ์ระทึก สะพานเบลีย์ที่เชื่อมต่อเป็นเส้นทางสัญจรชั่วคราว บริเวณสะพานวังสะแกงที่เชื่อมระหว่างบ้านท่าศาลา อ.จอมทอง กับ บ้านวังสะแกง อ.เวียงหนองล่อง ต.ลำพูน ถูกกระแสน้ำแม่น้ำปิงซัดจนพังถล้มลงมาต่อหน้าต่อตา ขณะที่ชาวบ้านพากันไปสังเกตการณ์ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกหนัก โดยชิ้นส่วนสะพานเบลีย์ตกลงไปในน้ำเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชาวบ้านพากันตื่นตกใจวิ่งหนี แต่โชคดีที่จังหวะนั้นไม่มีคนใช้สะพาน ทำให้ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สำหรับสะพานแห่งนี้ ก่อสร้างเมื่อปี 2530 ปัจจุบันใช้งานมาแล้ว 36 ปี ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม 2565 แม่น้ำปิงที่ไหลเชี่ยวได้ซัดตอม่อสะพานท่าศาลา-วังสะแกง ความยาว 200 เมตร จนเกิดการทรุดตัว ทำให้ผิวถนนบนสะพานแตกร้าว ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่งต้องนำแผงเหล็ก พร้อมติดป้ายห้ามรถทุกชนิดผ่าน ส่งผลให้ผู้ใช้เส้นทางและชาวบ้าน ต้องเปลี่ยนไปใช้สะพานอื่นที่ห่างออกไปไกลหลายกิโลเมตร หลังจากนั้นได้มีการติดตั้งสะพานเบลีย์เพื่อให้ชาวบ่้านได้สัญจรชั่วคราวระหว่างรอการซ่อมแซม จนกระทั่งเกิดสะพานพังเสียหายในครั้งนี้ สาเหตุมาจากฝนตกหนัง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านสูงขึ้นและมีกระแสเชี่ยวกรากจนพัดสะพานเสียหาย
นายสมยศ ต้นหนองดู่ ชาวบ้าน หมู่9 ตำบลหนองล่อง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ขณะนั้นตนกับชาวบ้านในพื้นที่กำลังมาเฝ้าจับตามดูปริมาณน้ำปิง ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันสังเกตเห็นสะพานที่อยู่ฝั่ง อ.จอมทอง กำลังถูกน้ำปิงพัดและถล่มลงมาเสียงดังสนั่นขณะนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งได้ถ่ายคลิบวีดีโอไว้พอดี ตนกับเพื่อนบ้านต่างวิ่งหนีหลบเกรงว่าจะได้รับอันตราย หลังจากเกิดเหตุทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากซึ่งตนมีที่นาอยู่ฝั่ง อ.จอมทอง และข้าวกำลังเติบโตต้องข้ามไปดูแลนาข้าวทุกวัน เมื่อสะพานแห่งนี้ใช้การไม่ได้ต้องขับรถอ้อมไปอีกประมาณ 6 กม.
ด้านนายนิกาล ปันทะนา ชาวบ้าน เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ตนและชาวบ้านคนอื่นๆมาเฝ้าสังเกตการณ์น้ำปิง ที่กำลังไหลหลากสังเกตเห็นว่าเสาตอม่อ ต้นหนึ่งถูกน้ำซัดจนล้มลงทำให้สะพานทั้งหมดทรุดลงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ต้องข้ามไปทำธุระที่ อ.จอมทองได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
ขณะที่นายเอกรินทร์ ปินตาดง กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะเกิดเหตุการณ์ตนกับชาวบ้านได้มาสังเกตดูปริมาณน้ำปิงที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นบริเวณคอสะพาน แต่สังเกตเห็นตอม่อสะพานเริมทรุดตัวลงหลังจากนั้นตัวสะพานทั้งหมดได้ทรุดลงทำให้ตนและเพื่อนบ้านตกใจวิ่งหลบหนเนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย