จากกรณีที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดีย โดยเพจ “กลุ่มแฉเชียงใหม่” โพสต์ข้อความว่า “ตำรวจเชียงใหม่กับพฤติกรรมแบบนี้ เหมือนเขาทำเป็นเรื่องปกติมาก” พร้อมภาพผู้ชายมีอายุ แต่งกายเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีภาพการสนทนาใน Messenger เป็นการส่งรูปภาพอนาจารของตัวเองให้บุคคลอื่น ทางด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลมีเดียและทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเชียงใหม่เสียหายนั้น
เมื่อวานนี้ (6 ส.ค. 67) พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สถิตชัย นิตยวัน รอง ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ต.วุฒิไกร ทาหอม สว.สส.ฯ, เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกับ พ.ต.ต.วิษณุ นวนมุสิด สวป.ฯ, ร.ต.อ.ชัชวาลย์ ตันตา รอง สวป.ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ ลงพื้นที่ติดตามหาบุคคลที่ปรากฏตามภาพของเพจกลุ่มแฉเชียงใหม่
โดยชุดสืบสวน และชุดงานป้องกันปราบปรามได้ร่วมกันรวบรวมข้อมูลติตตาม จนทราบว่าชายดังกล่าวพักอาศัยอยู่บริเวณหลังร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่งในตลาดดอกไม้ ย่านกาดหลวงเชียงใหม่ จึงได้ติดตามตัวจนพบ และเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้น และสอบถาม ทราบชื่อคือ นายดำรงค์ คำปิ่นคำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.8 ต.แม่แวน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางชุดเครื่องแบบของอาสาสมัครตำรวจบ้าน, กระบอง, หมวกกันน็อกสายตรวจ, เข็มขัดสนาม, เสื้อกั๊กสีส้ม
พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า นายดำรงค์ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจแต่อย่างใด แต่เคยเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านของ สภ.เมืองเชียงใหม่จริง แต่ด้วยการปฏิบัติตนและมีวินัยที่ไม่ดี จึงได้ให้พ้นสภาพจากอาสาสมัครตำรวจบ้านของ สภ.เมืองเชียงใหม่ไปหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างและช่วยเหลืองานร้านขายดอกไม้ที่กาดหลวง
ด้าน พ.ต.ต.วิษณุ นวนมุสิด สวป.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้สอบถามนายดำรงค์ถึงเหตุผลที่ได้กระทำไป นายดำรงค์ให้การรับสารภาพว่าตนได้กระทำจริงตามที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดีย โดยได้อ้างว่าตนถูกสาวหลอกให้โอนเงินเพื่อที่จะได้แลกภาพวาบหวิว นายดำรงค์จึงได้ส่งรูปภาพของตัวไป จากนั้นไม่คิดว่าจะเกิดภาพหลุดออกไป และเกิดเป็นกระแส ทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเชียงใหม่เกิดความเสียหาย
ส่วนเรื่องเเต่งกายคล้ายชุดตำรวจ ถ่ายภาพลงสื่อโซเชียลทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าตนเป็นตำรวจนั้น นายดำรงค์รับว่าชอบอาชีพตำรวจมาก อยากแต่งเครื่องแบบตำรวจแต่ตนไม่มีโอกาส เมื่อได้โอกาสเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน จึงชอบแต่งกายชุดตำรวจถ่ายรูปลงสื่อโซเชียล แต่ตนไม่ได้เป็นนานแล้ว แต่ก็เอารูปเก่าๆ มาลงบ้างจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิด จึงฝากขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงใหม่ที่ทำให้เสียชื่อเสียงและทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 1. “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” และ 2. “การแต่งกายสวมเครื่องแบบ หรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่ามีสิทธิ” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป