หน้าแรก
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “oat Chaimoon” โพสต์บอกเล่าเรื่องราวพร้อมคลิปเพื่อเตือนภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไปส่งเพื่อนที่หอพักแห่งหนึ่ง ในซอยช้างเผือก 4 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วพบกลุ่มวัยรุ่นชาย 3 คน ถือไม้หน้าสามเดินปรี่เข้ามาลักษณะจะทำร้ายร่างกาย พร้อมตะโกนบอกว่า “มารออ้ายก่ะ” แต่ผู้เสียหายได้ตะโกนออกไปว่าไม่ใช่ๆ และบอกว่า “หนูเป็นกะเทย” ทำให้วัยรุ่นสามคนได้ถอยกลับ ก่อนจะกล่าวคำขอโทษและขี่รถจักรยานยนต์ ออกไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.40 น. ของวันที่ 11 มี.ค.68 โดยหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็น พร้อมแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก
วันนี้(13 มี.ค.68) รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงค่ำวานนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันติดตามจับกุมกลุ่มวัยรุ่นชายทั้ง 3 คน ที่ก่อเหตุดังกล่าวได้แล้ว โดยพบว่าทั้งหมดเป็นวัยรุ่นต่างด้าวสัญชาติไทยใหญ่ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้แก่ นายจายอ้ายหม่อง อายุ 30 ปี ,นาย สายแลง อายุ 20 ปี แลยนายลายหาญ อายุ 20 ปี พร้อมรถจักรยานยนต์สีดำคันที่ใช่ก่อเหตุ โดยจับกุมตัวได้ที่ หอพักแห่งหนึ่งในย่านช้างเผือก และห้องพักบนถนนบุญเรืองฤทธิ์ ซอย 2 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นนำตัวทั้งหมดไปค้นหาของกลางไม้หน้าสามที่ใช้ก่อเหตุที่บริเวณแม่น้ำปิง ย่านวังสิงห์คำและควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ช้างเผือก
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ PCX จำนวน 3คัน พร้อมอาวุธมีดดาบซามูไร พยายามจะเข้ามาไล่ทำร้ายพวกตัวเอง ทำให้ต้องขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี จนเมื่อตั้งหลักได้และหาไม้หน้าสามได้ จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนนช้างเผือกและด้วยความระแวงทำให้เมื่อเห็นหนุ่ม LGBTQ จึงคิดว่าเป็นกลุ่มคู่อริ และได้จอดรถลงไปถาม แต่พบว่าไม่ใช่คู่อริและผู้เสียหายบอกว่าเป็นกะเทย จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับหอพัก กระทั่งมาถูกจับกุมตัว
อย่างไรก็ตามตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสามรายและจะมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้ต้องหาให้การไว้อีกรอบหนึ่ง โดยเบื้องต้นแจ้งดำเนินคดี 7 ข้อหา ได้แก่ 1. ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร,2. ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ, 3. ขับขี่รถโดยไม่มีใบขับขี่, 4. ขับขี่/โดยสารรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย, 5. ไม่ติดแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี, 6. ไม่มีสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และ 7.บรรทุกคนโดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ซ้อน 3) พร้อมทำการเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาคนละ 3,000 บาท
