ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวให้ช่วยนำเสนอข่าวกรณีที่มีลูกบ้าน คือนางฉัตรสุดา โกวิทวาณิชย์ อายุ 59 ปี ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในพื้นที่ ถูกลูกชายชื่อนายกฤษฏิ์ธนัท กลันทะกะสุวรรณ อายุ 33 ปี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและช่วยเหลือส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 26 ส.ค.67 โดยพบซี่โครงหัก 4 ซี่,ปอดฉีก,มีเลือดออกในสมอง และเบ้าตาแตก สภาพยับเยินไปทั้งตัว
โดยเบื้องต้นทราบว่าสาเหตุมาจากการที่ลูกชายติดการพนันออนไลน์และมักจะรีดไถเงินจากแม่เป็นประจำ เกิดความไม่พอใจที่แม่ไม่สามารถหายืมเงินมาให้ได้อีก เพราะที่ผ่านไปยืมจนติดหนี้สินไปทั่วแล้ว และทรัพย์สินที่เคยมีก็ถูกลูกชายนำไปขายจนหมดแล้ว ซึ่งทราบว่าลูกชายก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.67 เป็นต้นมา แต่ครั้งนี้รุนแรงที่สุดจนผู้เป็นแม่ทนไม่ไหวจนต้องหลบหนีออกจากบ้านและพยายามฆ่าตัวตาย แต่ได้รับการช่วยเหลือไว้ และต่อมาทางผู้ใหญ่บ้านได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย พร้อมทั้งมีการเข้าควบคุมตัวนายกฤษฏิ์ธนัท ได้ที่บ้านพัก และนำไปสอบปากคำดำเนินคดี เมื่อวานนี้(29 ส.ค.67)
ช่วงสายวันนี้(30 ส.ค.67) ที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกฤษฏิ์ธนัท ผู้ต้องหาออกจากห้องคุมขังแล้วควบคุมตัวนำส่งไปส่งฟ้องและฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยระหว่างที่ถูกควบคุมตัวเพื่อไปขึ้นรถเดินทางไปศาลนั้น ทางผู้ต้องหามีการยอมรับว่า ได้ก่อเหตุทำร้ายแม่และรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป แต่อย่างไรก็ตามอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจและอยากขอโทษแม่
ขณะที่พันตำรวจเอกสัมพันธ์ ศิริมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันทราย เปิดเผยว่า ครอบครัวนี้พ่อแม่แยกทางกัน ซึ่งต่อมาน้องสาวได้ซื้อบ้านให้แม่อยู่อาศัย ส่วนตัวผู้ต้องหานั้น เรียนจบการศึกษาจากต่างประเทศ และได้กลับมาอาศัยอยู่กับแม่ โดยมีอาการซึมเศร้าด้วย สำหรับครอบครัวนี้พบว่าเคยมีฐานะดีมาก่อน แต่ในช่วงหลังประสบปัญหาทางการเงิน และตัวผู้ต้องหาติดการพนันออนไลน์ ซึ่งตรวจพบหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ด้านร้อยตำรวจตรีหญิงมนต์ริสสา บุญก้ำ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เปิดเผยว่า วันนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งฟ้องและฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทำร้ายบุพการีเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสและกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว และยื่นคำร้องคัดค้านประกันตัวในชั้นศาลด้วย ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าก่อเหตุจริง แต่ทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบและรู้สึกสำนึกผิด
โดยตามคำให้การของผู้ต้องหานั้น คาดว่าน่าจะเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เป็นแม่มาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้หนักและรุนแรงที่สุด ส่วนสาเหตุที่ต้องการเงินนั้น อ้างว่าต้องการนำเงินไปชำระหนี้สินและใช้จ่ายส่วนตัว รวมทั้งหนี้การพนันด้วย แต่ไม่มีประวัติเรื่องยาเสพติด ทั้งนี้ในช่วงของการสอบสวนผู้ต้องหานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเปิดเพลง “ค่าน้ำนม” ให้ผู้ต้องหาฟังซึ่งผู้ต้องหามีท่าทีสำนึกผิดอย่างมากและได้หลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาด้วย