เกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตราคาผลผลิตตกต่ำอย่างหนัก หลังจากราคาหอมหัวใหญ่ร่วงลงมาเหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาท จากที่เคยสูงถึง 13-15 บาทในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างมาก และเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เชียงใหม่ – กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการแทรกแซงราคาหอมหัวใหญ่ หลังเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอย่างหนัก เหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาท จากต้นฤดูที่เคยสูงถึง 13-15 บาท
นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานงานไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ประสานบริษัทมาตาเทรดดิ้ง เข้ารับซื้อหอมหัวใหญ่จากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และรับซื้อไปแล้วกว่า 6 พันตัน
สาเหตุของปัญหาราคาตกต่ำมาจากปีนี้ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณมากถึง 25,000 ตัน ประกอบกับมีการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ ทำให้ผลผลิตในประเทศล้นตลาด
นายสุรพล เกียรติไชยากร กล่าวว่า “ปีนี้ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณมากถึง 25,000 ตัน ซึ่งพื้นที่อำเภอแม่วาง เป็นแหล่งปลูกหอมหัวใหญ่มากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ แต่ละปีมีผลผลิตประมาณ 1 หมื่นตัน แต่ปัญหาคือเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ 1 ปอนด์ ที่เราปลูกได้ผลผลิตเพียง 5 พัน กก. ซึ่งเทียบกับต่างประเทศ 1 ปอนด์จะได้ผลผลิต 8-9 พัน กก. ประกอบกับช่วงเดือนมกราคม ซึ่งเป็นต้นฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตราคาอยู่ที่ กก.13 บาท ขึ้นสูงถึง กก. 15 บาท หลังจากนั้นราคาตกอยู่ที่ 6-7 บาทต่อ กก.”
นอกจากมาตรการแทรกแซงราคาแล้ว นายสุรพลยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยขอให้รัฐบาลช่วยสกัดการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาสายพันธุ์หอมหัวใหญ่ในประเทศให้มีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถแข่งขันในตลาดได้
ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในอำเภอแม่วาง หวังว่ามาตรการแทรกแซงราคาของกระทรวงพาณิชย์ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีรายได้ที่มั่นคง