เปิดแล้วเวทีวิชาการอารักขาพืชครั้งที่ 16 “การอารักขาพืชไทยในยุคโลกเดือด”“Thai Plant Protection in a Global Boiling Era” กระตุ้นทุกส่วนร่วมตระหนักรับมือภาวะ “โลกเดือด!” แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในด้านการอารักขาพืช แสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการจัดการศัตรูพืชและพัฒนาการอารักขาพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
ที่ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ นางวิลาวัณย์ ใคร่ครวญ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานในการเปิดการประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติ ครั้งที่ 16“การอารักขาพืชไทยในยุคโลกเดือด”“Thai Plant Protection in a Global Boiling Era” ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 18 – 20 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีนายชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวให้การต้อนรับ มีส่วนราชการทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงผู้เกี่ยวข้องจากทั่วประเทศเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้จำนวนมาก
นายศรุต สุทธิอารมณ์ นายกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย ประธานจัดงานกล่าวว่า การประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติ เป็นความร่วมมือของทั้งหมด 7 สมาคม ได้แก่ สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย สมาคมนักโรคพืชแห่งประเทศไทย สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย สมาคมอารักขาพืชไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย เป็นเวทีสำคัญที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ในครั้งนี้ สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพการจัดประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในด้านการอารักขาพืช ครอบคลุมสาขาวิชาด้านต่างๆ ทั้งกีฏวิทยา สัตววิทยาโรคพืช วัชพืช วิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ผลิต และสิ่งแวดล้อม ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมถึงการนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนางานวิจัยต่อไป
การจัดประชุมวิชาการฯ จัดให้มีขึ้นทุก 2 ปี โดยแต่ละสมาคมจะหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพสำหรับปีนี้สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติให้เป็นแกนนำร่วมกับ สมาคมชั้นนำในด้านงานอารักขาพืช เพื่อจัดการประชุมครั้งที่ 16 ภายใต้หัวข้อ “การอารักขาพืชไทยในยุคโลกเดือด” ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของภาคเกษตรกรรมท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเดิที่เป็นภาวะโลกร้อนซึ่งปัจจุบันกลายเป็นภาวะโลกเดือดตามที่สหประชาชาติได้ให้คำจำกัดความไว้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกันตลอดในการร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวทั้งภาครัฐเอกชนนักวิชาการรวมถึงเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังที่ต้องเผชิญกับภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
โดยรูปแบบการประชุมได้แบ่งออกเป็นการบรรยายพิเศษ การอภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น การนำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยาย และการนำเสนอผลงานวิจัยภาคแผ่นภาพ ไฮไลท์สำคัญของการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ การบรรยายพิเศษ โดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศและนานาชาติ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการรับมือกับศัตรูพืชในยุคโลกเดือด และแนวทางพัฒนาเคมีเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเสวนาพิเศษ 3 หัวข้อ “เกษตรไทยเตรียมพร้อมอย่างไรในยุคโลกเดือด” “นวัตกรรมโดรนเพื่อการอารักขาพืชสมัยใหม่”และ”นวัตกรรมยุคใหม่ของการป้องกันกำจัดศัตรูพืช” ในงานมีการนำเสนอผลงานวิจัย ทั้งในรูปแบบการบรรยายและโปสเตอร์ การประกวดภาพถ่าย รวมถึงการมอบรางวัลให้แก่ผลงานดีเด่น นิทรรศการเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการอารักขาพืช จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนการประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบัน การศึกษาต่างๆ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 400 คน
“เวทีครั้งนี้จะสะท้อนถึงความสำคัญของการอารักขาพืชที่มีต่อความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนของภาคเกษตรกรรมไทย การประชุมวิชาการในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันแสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการจัดการศัตรูพืชและพัฒนาการอารักขาพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ภาคเกษตรกรรมไทยสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและสามารถผลิตอาหารที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากลรวมทั้งการรับมือกับภาวะโลกเดือดตามที่สหประชาชาติได้ให้ข้อย้ำเตือนไว้”นายกสมาคมกีฏฯ กล่าว