วันนี้ (15 มี.ค. 68) ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟฟ้าหมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
จังหวัดเชียงใหม่เผชิญวิกฤติฝุ่นควัน PM2.5 พุ่งสูงจากไฟป่าหลายจุด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนพร้อมยกระดับมาตรการฉุกเฉิน สั่งการเฮลิคอปเตอร์กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฮ.ทส.) ขึ้นบินปฏิบัติการดับไฟโดยด่วน
รายงานจากศูนย์อำนวยการฯ ระบุว่า พบจุดความร้อน (Hot Spot) มากกว่า 100 จุดใน 11 อำเภอ ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภออมก๋อย ฮอด แม่แจ่ม และจอมทอง ซึ่งไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง
จังหวัดเชียงใหม่ออกประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งสนธิกำลังทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศในการควบคุมไฟป่า
โดยมาตรการเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่
1. ยกระดับปฏิบัติการภาคสนาม – ระดมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเข้าควบคุมไฟป่าในจุดเสี่ยงสูง
2. ใช้เฮลิคอปเตอร์ดับไฟ – เฮลิคอปเตอร์ ฮ.ทส. ออกปฏิบัติภารกิจโปรยน้ำดับไฟในพื้นที่เข้าถึงยาก
3.แจ้งเตือนประชาชน – ขอให้สวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
4. บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด – ตรวจสอบและดำเนินคดีผู้ลักลอบเผาป่าและพื้นที่เกษตร
ที่ประชุมติดตามสถานการณ์พบว่าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้รับผลกระทบหนักกว่าป่าสงวนแห่งชาติ โดยเฉพาะจุดไฟไหม้ในตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน 7-8 กิโลเมตร ทำให้การเข้าดับไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟได้แล้วกว่า 20 จุด
โดยทางจังหวัดเชียงใหม่ยังมีการสนับสนุนภาคพื้นดินและอากาศในการดับไฟป่า มีการส่งรถผลิตน้ำดื่ม ให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าใน 5 อำเภอ ได้แก่ ฮอด อมก๋อย ดอยเต่า แม่แจ่ม และจอมทอง การประชุมร่วมกองทัพอากาศทุกเช้า เพื่อจัดสรรอากาศยานสนับสนุนภารกิจดับไฟ
จากข้อมูลสภาพอากาศ พบว่า ระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม อาจเกิด พายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ซึ่งอาจช่วยลดความรุนแรงของไฟป่าในบางพื้นที่ จังหวัดพร้อมพิจารณาประกาศพื้นที่ภัยพิบัติอัคคีภัยจากไฟป่า หากสถานการณ์ทวีความรุนแรง เพื่อให้สามารถระดมทรัพยากรช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
ซึ่งทางจังหวัดยืนยันว่า การใช้ไฟเพื่อการเกษตรยังสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเหมาะสม พร้อมผลักดันแนวทาง “เกษตรปลอดการเผา” โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการพัฒนาทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม “เชียงใหม่จะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”
.
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่