ตำบลน้ำดิบ ผลักดันไก่ท้องถิ่น “เหล่าป่าก๋อย” สู่ซอร์ฟพาวเวอร์ ส่งเสริม 17 หมู่บ้านเลี้ยงไก่ชนสร้างรายได้ชุมชน เปิดตัวในงานโครงการวิถีชีวิตคนตำบลน้ำดิบ กับไก่เหล่าป่าก๋อย ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 ขอภาครัฐสนับสนุนเหมือนมวย เปลี่ยนจากคนเป็นไก่ชน
นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานโครงการวิถีชีวิตคนตำบลน้ำดิบ กับไก่เหล่าป่าก๋อย ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 โดยมี นายอนุสรณ์ วงวรรณ นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และนายมงคล หมื่นอภัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำดิบ กล่าวรายงานพร้อมด้วยประชาชน 17 หมู่บ้าน และกลุ่มเลี้ยงไก่เหล่าป่าก๋อยในพื้นที่ กว่า 500 คน เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ ที่ตลาดกลางองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
ภายในกิจกรรมมีการประกวดไก่ชนเหล่าป่าก๋อยประเภทสวยงาม เวทีเสวนาทิศทางขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไก่ชนสายพันธุ์เหล่าป่าก๋อย การแข่งขันลาบไก่ การแข่งขันส้มตำลีลา การประกวดธิดาจำแลง และกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานอีกมากมาย ซึ่งการจัดงานกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 27 ม.ค. 67 เพื่อนำเอาเอกลักษณ์ วัฒนธรรมประเพณี อาหารและของดีในพื้นที่ออกมาจัดแสดง เป็นซอร์ฟพาวเวอร์ กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมอาชีพ การตลาดให้แก่ประชาชน เกษตรกรและคนในพื้นที่ และผลักดันให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชนอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน
อาจารย์อุปถัมภ์ ใจธัญ ปราชญ์ชาวบ้านผู้มีความเชี่ยวชาญสายพันธุ์ไก่เหล่าป่าก๋อย กล่าวว่า ไก่เหล่าป่าก๋อยส่วนใหญ่ยังเป็นไก่เรียบร้อย แต่สไตล์เด่นคือ “มุด รัด กัด ตี เข้าเร็ว ตีเร็ว ถอนขน” เป็นสไตล์ที่ครบ ได้ลูกตีบ้าบิ่นของสายพันธุ์นี้ เมื่อนำไปผสมกับไก่สายพันธุ์อื่นอย่าง ไก่เชิงก็จะเล่นเชิงเยอะเกินไป ก็จะกลายเป็นจุดด้อย หรือนำไปผสมกับสายพันธุ์ที่กระดูกดีแต่จะทำให้ช้าลง แต่ไก่เหล่าป่าก๋อยคือจะเป็นการนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นและวนกลับมาผสมอีกครั้ง
สำหรับชาวบ้านที่ทำการเลี้ยงไก่สายพันธุ์เหล่าป่าก๋อย ก็จะทำให้ไก่สายพันธุ์นี้มีมูลค่าเพิ่มโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มมากนัก เพราะสถานที่เลี้ยงส่วนใหญ่ทุกบ้านมีเล้าไก่อยู่หลังบ้าน เลี้ยงไก่พื้นเมืองอยู่แล้ว แต่ไก่พื้นเมืองราคากิโลกรัมละ 80 บาท ถ้าเป็นไก่ชนหรือไม่ใช่ไก่ชนที่ตกเกรด นำไปชั่งขายก็กิโลกรัมละ 80 บาทเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นไก่ที่มีฝีมือ มาจากสายพันธุ์พ่อแม่ที่มีเลือดสูง ผ่านการชนหรือประกวดจากสนามใหญ่มาราคาก็จะพุ่งสูงขึ้น ราคาจำหน่ายปัจจุบันสำหรับลูกไก่ อายุประมาณ 3 เดือน คู่ละ 500 บาท หรือผู้ขายตกลงจำหน่ายเท่าไหร่และผู้ซื้อราคาพอใจก็อาจจะมีราคาสูงขึ้น ส่วนราคาจำหน่ายสูงสุดไก่บางตัวก็มีการผ่านสนามใหญ่ระดับเงินล้านบาทมาแล้ว ก็จะมีราคาตั้งแต่ 500,000 บาท เป็นราคาตั้งต้น แต่ราคาสูงกว่านั้นก็มี อย่างไก่ชนฉายา “แบทแมน” ที่วันนี้ไม่ได้นำมาโชว์ แต่เคยผ่านมาแล้ว 3 สนาม ล่าสุดก็ชนะได้เงินกว่า 2.2 ล้านบาทมาแล้ว
การเลี้ยงไก่ชนไม่ใช่การเอาอาหารให้กินแล้วก็เสร็จ แต่ต้องมีอาหารเสริมอย่างเช่นสมุนไพร วัสดุในการดูแลไก่ สุ่มไก่ บางรายก็ปลูกข้าวเฉพาะสำหรับไก่ชน ราคากิโลกรัมละ 18 บาท ซึ่งทางกรมส่งเสริมการข้าวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังทำการวิจัยอยู่ บางคนไม่ได้เลี้ยงเป็นอาชีพ แต่ก็มีการคัดไก่ที่ไม่สวยชั่งกิโลกรัมขาย หากสวยก็จะเลี้ยงและตั้งขายให้ได้ราคาเพิ่ม ตอนนี้มีพ่อค้าจากเมืองจีน มาเช่าที่เพื่อที่จะนำไก่ส่งไปยังจีน อินโดนีเซีย ลาว ส่วนเรื่องน้ำหนักไก่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 2.6 – 3 กิโลกรัม ปัจจุบันทุกหน่วยงานของภาครัฐและทุกองค์กรร่วมมือกันดีอยู่แล้ว แต่อยากแนะนำเกษตรกรว่าการเลี้ยงไก่ชน สามารถเป็นอาชีพเสริมจากการทำนา ทำสวนลำไย ได้เพราะไม่ได้ใช้เวลาอะไรมาก ไก่บางตัวที่ตกเกรดก็ยังเป็นอาหารสด ไก่ปลอดสารพิษ แล้วยังกระตุ้นเรื่องการลดใช้สารเคมีทางอ้อมด้วย เพราะพื้นที่เลี้ยงอย่างสวนลำไย ก็จะลดการใช้ยาฆ่ายา ยาฆ่าแมลงลง
อยากจะขอให้ภาครัฐสนับสนุนว่า การเลี้ยงไก่ชนก็เหมือนกับการเลี้ยงนักมวย เป็นนักกีฬาจากคนมาเป็นไก่ ปัจจุบันมีการขนส่งไก่จากพื้นที่ลำพูน วันละ100 ตัว คิดมูลค่าวันละ 2 แสนบาทตกปีและ 70 ล้านบาท ซึ่งการส่งเสริมการเลี้ยงไก่สายพันธุ์เหล่าป่าก๋อยในอนาคตก็จะเน้นเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ และพัฒนาตลาดด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้โดยการจำหน่ายแบบออนไลน์ ผ่านทางเฟสบุ๊ค ติ๊กต๊อก และอื่นๆ ที่จะทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเข้าถึงกันได้
นายมงคล หมื่นอภัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำดิบ การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ซึ่งได้ร่วมกับทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนจัดขึ้น โดยครั้งแรกมีการจัดในปี 2558 ในวันนี้ก็มีชาวบ้านจาก 17 หมู่บ้าน และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่มาร่วมงาน ซึ่งภายในงานมีการจัดประกวดไก่สายพันธุ์เหล่าป่าก๋อย เวทีเสวนาทิศทางไก่เหล่าป่าก๋อย เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่มีอยู่ เรื่องของเศรษฐกิจและที่เป็นซอร์ฟพาวเวอร์ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ได้นำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์มาจัดงาน เพราะคนตำบลน้ำดิบเชื้อสายมาจากไทยอง และมาจากสิบสองปันนา จึงเอาวัฒนธรรมที่มีอยู่ที่ติดตัวมาและวัฒนธรรมที่นำเข้ามา เอามาจัดงานเพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้ต่อ โดยเฉพาะไก่ชนเหล่าป่าก๋อย ทาง อบต.น้ำดิบได้ส่งเสริมชาวบ้านให้เลี้ยงเป็นสินค้าโอทอป เป็นซอร์ฟพาวเวอร์ ให้เลี้ยงและจำหน่ายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับไก่ท้องถิ่น ปัจจุบันก็มีการขายออนไลน์ผ่านทางเฟสบุ๊ค ติ๊กต๊อก หรือกลุ่มไลน์ ซึ่งมีรถรับส่งเรียบร้อย เรียกว่าครบวงจร และจากการที่ได้จัดขึ้นมาทั้งหมด 7 ครั้งรวมครั้งนี้ นอกจากการส่งเสริมด้านสินค้าโอทอปแล้วจะเห็นในด้านความสามัคคี