สุดเถื่อน! ผู้ช่วย ผญบ.วอนช่วย ตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้ออนไลน์โดนบีบใช้หนี้โหดแถมโพสต์ประจาน-ตั้งค่าหัว

เชียงใหม่ – ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหญิงเชียงใหม่ร้องขอความเป็นธรรม ตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้ออนไลน์ หลงเชื่อยืม 3,500 บาท ตกลงผ่อนชำระ 3 เดือน ถึงเวลาได้รับเงินจริงเพียง 2,100 บาท อ้างหักค่าบริการไป 1,400 บาท แถมบังคับใช้คืนภายใน 7 วัน แต่ผ่านไปแค่ 6 วัน โดนนำภาพถ่ายครอบครัวและข้อมูลบัตรประชาชนโพสต์ประจานทวงหนี้ที่ยอดพุ่งกลายเป็น 5,500 บาท และมีการตั้งค่าหัวให้คนช่วยทวงอีก 500 บาท

เมื่อวานนี้ (19 ต.ค. 66) รายงานข่าวแจ้งว่า นางอรพิน (สงวนนามสกุล) ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เข้าร้องผ่านศูนย์ดำรงธรรมเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยนายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ รับเรื่องร้องทุกข์ กรณีที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งเงินกู้ออนไลน์ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอัตราดอกเบี้ย และค่าบริการที่สุดโหด นอกจากนี้ยังได้รับความอับอายจากถูกนำภาพใบหน้า, บัตรประจำตัวประชาชนพร้อมเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และภาพถ่ายพร้อมกับครอบครัว ไปโพสต์ประจาน และประกาศตามล่าตัวเพื่อทวงเงินกู้

ทั้งนี้ผู้เสียหายบอกว่า เนื่องจากตัวเองมีความต้องการใช้เงินเพื่อมาจ่ายหนี้นอกระบบที่พ่อของตัวเองไปกู้จากแก๊งหมวกกันน็อกที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ทำให้ถูกติดตามทวงหนี้และข่มขู่คุกคามถึงที่บ้านจนพ่อต้องหนีไปอยู่ที่อื่น ซึ่งตัวเองอยากให้เรื่องจบจึงพยายามหาเงินมาจ่ายจนกระทั่งเล่นเฟซบุ๊กไปเจอโฆษณาเชิญชวนกู้เงินออนไลน์ชื่อ “สินเชื่อที่จริงใจ” โดยอ้างว่าใช้เพียงบัตรประชาชนกู้จึงได้ติดต่อ และทำเรื่องขอกู้ว่าจะได้วงเงินเท่าไร ซึ่งทางผู้ให้กู้ขอเพียงภาพถ่ายบัตรประชาชน คู่กับภาพใบหน้าของตนเอง และเบอร์ผู้ติดต่อใกล้ชิดอีก 3 เบอร์เพื่อตรวจสอบ

กระทั่งได้มีการอนุมัติวงเงิน จำนวน 3,500 บาท ซึ่งตนเองขอเลือกแบบผ่อนชำระ 3-6 เดือน หลังจากนั้นทางเจ้าของเงินได้โอนเงินมาให้ตนเองเพียง 2,100 บาท และส่งหลักฐานการกู้เงินมาว่าต้องชำระภายใน 7 วัน พร้อมระบุว่ามีการหักค่าบริการไป 1,400 บาท จึงได้รับเงินสุทธิ 2,100 บาทเท่านั้น โดยเมื่อสอบถามเรื่องการชำระที่กลายเป็น 7 วันนั้น ทางเจ้าของเงินกู้บอกว่าต้องชำระตามเวลาที่กำหนด หากเลยก็จะมีค่าปรับเพิ่มขึ้นอีก ตนเองจึงรู้สึกตกใจมาก และหลังจากนั้นผ่านไปได้เพียง 6 วัน ยังไม่ครบ 7 วันตามกำหนด ปรากฏว่ามีญาติ และคนใกล้ชิดได้รับข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กจากคนที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “น้ำคนล่าหนี้” ประกาศติดตามทวงหนี้

โดยเนื้อหาที่แจ้งระบุว่า “ประกาศตามหาบุคคลอันตรายเป็นหนี้ไม่ยอมจ่ายบุคคลนี้ชื่อว่า นาง ……….เบอร์โทร …….บุคคลนี้ได้มาทำการกู้เงินที่บริษัทสินเชื่อออนไลน์ซึ่งถ่ายรูปพร้อมบัตรประชาชนเข้ามาและกรอกข้อมูลบุคคลติดต่อฉุกเฉินเข้ามาจำนวน 3 คน ซึ่งบุคคลนี้ได้นำเงินทางเราไปยอดที่ 5,500 บาท ถ้าใครพบเจอระวังตัวไว้นะครับเขาอาจจะไปยืมเงินพวกคุณแล้วสิ่งนี้ไม่ยอมจ่ายเนาะถ้าใครเจอจะแจ้งทางเราด้วยครับที่ LINE atm19977 นะครับแล้วจะมีค่าตอบแทนให้ 500 บาทครับ” ซึ่งในโพสต์ยังมีการนำภาพตนเอง บัตรประชาชนที่เห็นเลข 13 หลักชัดเจน และภาพที่ตนเองถ่ายพร้อมกับครอบครัวในโพสต์ดังกล่าวด้วย

นางอรพิน (สงวนนามสกุล) บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ตัวเองรู้สึกตกใจ และอับอายอย่างมาก จึงได้ติดต่อทางศูนย์ดำรงธรรมของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ซึ่งได้รับคำแนะนำทางข้อกฎหมาย และติดต่อประสานงานให้เข้าไปแจ้งความไว้ ทั้งเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด เรื่องของ พ.ร.บ.คอมพ์, พ.ร.บ.ทวงหนี้ และเรื่องของการละเมิดสิทธิด้วย ซึ่งตัวเองไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้เงิน 3,500 บาท แต่ได้รับเงินเพียง 2,100 บาท แถมยังไม่ครบกำหนดกลับถูกทวงเงิน 5,500 บาท และยังประจานสู่สาธารณะด้วย ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มผู้ให้กู้นี้น่าจะเป็นเครือข่ายที่ทำเป็นขบวนการ

ดังนั้นตนจึงได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่คิดจะหยิบยืมหรือกู้เงินผ่านออนไลน์ เพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อเหมือนตัวเอง ซึ่งในส่วนของเงินกู้ก็ยินดีพร้อมจะจ่ายชำระคืนในอัตราที่เป็นธรรมแต่ไม่ใช่ต้องจ่ายคืนกว่าเท่าตัวของเงินที่ได้รับมาจริง พร้อมกันนี้อยากวิงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามดำเนินคดีจนถึงที่สุดด้วยเพราะเกรงว่าตนเอง และครอบครัวอาจจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากทางกลุ่มเงินกู้ดังกล่าวทราบรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวและที่อยู่ของตัวเองเป็นอย่างดี

ทางด้านนายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ เปิดเผยว่า ในพื้นที่เองได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ขัดสนเงินทองกรณีที่ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาทั้งจากกลุ่มที่เรียกว่าเงินกู้หมวกกันน็อก หรือกู้เงินออนไลน์ ซึ่งคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด บางรายไม่สามารถชำระเงินคืนได้ก็จะถูกก่อกวนด้วยแก๊งทวงหนี้ที่มาข่มขู่คุกคามถึงบ้านเรือนจนบางครั้งเกิดความหวาดกลัวและต้องหนีไปอยู่ที่อื่น อีกทั้งการเข้าถึงเงินกู้ในโลกออนไลน์อย่างง่ายดาย โดยแอบอ้างเรื่องต่างๆ ทั้งดอกเบี้ยถูก และอนุมัติเงินง่าย แต่พอกู้ไปเป็นเหยื่อก็ถูกเก็บค่าบริการหรือค่าดำเนินการต่างๆ รวมทั้งดอกเบี้ยที่จ่ายล่าช้าในอัตราที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนี้พร้อมที่จะเป็นตัวกลางให้ความช่วยเหลือปรึกษาด้านกฎหมาย และประสานกับทางตำรวจในการตรวจสอบและดำเนินคดีเพื่อความเป็นธรรมแก่ชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมหวังว่ากรณีจะเป็นตัวอย่างให้ระมัดระวังกันยิ่งขึ้น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า