ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 6 พ.ย. 66 มีพื้นที่ขออนุญาตและได้รับการอนุญาตแล้วทั้งหมด 10 อำเภอ 26 จุด ทั่วทั้งจังหวัด มีจำนวนโคมลอยทั้งหมด 46,030 ดวง และโคมควัน 257 ดวง ทั้งนี้ การปล่อยโคมสามารถทำได้เพียง 2 วันเท่านั้น คือ วันที่ 27 พ.ย. 66 และ 28 พ.ย. 66 โดยในวันที่ 27 พ.ย. 66 ที่เป็นวันลอยกระทงเล็ก จะอนุญาตให้ปล่อยโคมควันหรือว่าวฮมได้เฉพาะเวลา 10.00-12.00 น. ส่วนโคมลอยและโคมไฟ อนุญาตให้ปล่อยได้เฉพาะเวลา 19.00-01.00 น. ส่วนในวันที่ 28 พ.ย. 66 ที่เป็นวันแห่ขบวนกระทงใหญ่ กำหนดให้ปล่อยโคมลอยและโคมไฟได้เฉพาะเวลา 19.00-01.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้ปล่อยโคมควันหรือว่าวฮม ซึ่งเน้นย้ำว่าต้องปล่อยในพื้นที่ที่มีการขออนุญาตแล้วเท่านั้น
สำหรับโคมลอยที่จะปล่อยนั้นต้องเป็นโคมที่ถูกต้องตามมาตรฐาน มผช.808/2552 คือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ ต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 90 เซนติเมตร สูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ใช้กระดาษว่าวชนิดบาง มีปริมาณเชื้อเพลิงไม่เกิน 55 กรัม ใช้เวลาในการเผาไหม้ไม่เกิน 8 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่โคมลอยอยู่ในอากาศ และส่วนที่เป็นเชื้อเพลิงต้องยึดติดกับเชือกทนไฟหรือลวดอ่อน พร้อมระบุชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิต และคำเตือนติดกับตัวโคมลอยด้วย ที่สำคัญคือ ห้ามผูกพลุ ดอกไม้ไฟ ประทัดไปกับโคมในขณะปล่อยเด็ดขาด ทั้งนี้ ผู้ที่ฝ่าฝืนการจุดและปล่อยโคมลอยโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากปล่อยโคมทำให้เกิดเพลิงไหม้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์