เชียงใหม่ – จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 ระหว่าง 2-4 ก.พ.67 ชวนชมขบวนรถบุปผชาติกว่า 25 ขบวน ร่วมสร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักนักท่องเที่ยว
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 พร้อมด้วย นายวีรวิชญ์ ธีรสวัสดิ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นางลัดดา พรหมเมือง ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน และ นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 ก.พ.67 ภายใต้แนวคิด “บุปผชาติล้านนา ภูษาเวียงพิงค์”
สําหรับในปีนี้ การจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงความยิ่งใหญ่ สวยงาม ตระการตา โดยวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.67 เวลา 07.30 น. ณ บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จะมีการปล่อยขบวนรถบุปผชาติ มากกว่า 25 ขบวน จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้ง ขบวนคานิวัล สีสันแห่งมวลพฤกษา ซึ่งจะเคลื่อนไปจอด ณ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมความงดงามของมวลดอกไม้นานาพันธุ์ และชมพิธีเปิดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 47 ประจําปี 2567 ในวันและเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งเนรมิตสวนไม้ดอกไม้ประดับทั่วสวน สาธารณะหนองบวกหาด ภายใต้แนวคิด Miracle of Flora Precious “มหัศจรรย์แห่งพฤกษา ความงามเลอค่า นครเชียงใหม่” ชมนิทรรศการและการจําหนาายไม้ดอกไม้ประดับ กิจกรรมการจัดแสดงและจําหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และการแสดงดนตรีในสวน ในงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 47 ประจําปี 2567 ณ เวทีกลางสวนสาธารณะหนองบวกหาด ชมความงดงามของสวนดอกไม้ ท่ามกลางแสงสีแห่งรัตติกาล ด้วยมวลพฤกษานานาพันธุ์ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเทศกาลที่อยู่คู่กับจังหวัดเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน ซึ่งจัดติดต่อกันมาตั้งแต่ ปี 2520 โดยครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 47 ทั้งยังเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญประจำปีของจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นเพียงเทศกาลเดียวของประเทศไทยที่เป็นมีการนำดอกไม้มาจัดตบแต่งเป็นขบวนรถบุปผชาติ เพื่อการนำเสนอมนต์เสน่ห์ของจังหวัดเชียงใหม่ผ่านความงามของดอกไม้ ไม้ประดับต่างๆ รวมทั้ง ผ้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ซึ่งถือเป็น soft power อย่างหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกสู่สายตาของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวโลก