เมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนเจ้าหน้าที่มูลนิธิวอชด็อกฯ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สิทธิโชค บัวแดง พนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สันป่าตอง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านต้นแก้ว ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง
หลังเจ้าหน้าที่วอชด็อกได้รับการร้องเรียนจากนายปัน (นามสมมติ) ชาวบ้าน อ.สันป่าตอง ว่าสุนัขชื่อ “มีตังค์” อายุ 1 ขวบ ที่ฝากน้องสาวชื่อนางสาวอุ้ม (นามสมมติ) เลี้ยงไว้ถูกเพื่อนบ้านชื่อนายเป็ด (นามสมมติ) ฆ่าตายและสงสัยว่าจะมีการนำไปกิน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้ามีตังค์ได้ไปกัดไก่ของนางบัว (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันตายหลายตัว ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่สอบถามนางสาวอุ้ม และนางบัวต่างโยนความผิดให้แต่ละฝ่ายโดยยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการฆ่าเจ้ามีตังค์
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำนายเป็ดให้การรับสารภาพว่าได้เป็นคนลงมือฆ่าสุนัขตัวดังกล่าวพร้อมพูดออกมาว่าวันนี้เป็นวันที่โชคไม่ดีเลยมาถูกจับในวันเกิดของตัวเอง
ต่อมาเจ้าหน้าที่มูลนิธิวอชด็อกฯ ได้ไปสอบถามนางสาวอุ้ม ทราบว่าสุนัขตัวดังกล่าวเป็นของพี่ชายที่ไปทำงานแล้วฝากเลี้ยงไว้ ยอมรับว่าเจ้ามีตังค์มีนิสัยซุกซน ได้ไปกัดไก่ของนางบัวหลายตัว จึงถูกเจ้าของไก่เรียกร้องเงินค่าเสียหาย ซึ่งตนไม่มีเงินและถูกกดดันอย่างหนักไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร จึงยอมยกเจ้ามีตังค์ให้คู่กรณีไปจัดการก่อนที่จะพาเจ้ามีตังค์ออกจากบ้านด้วยน้ำตา
“วันนั้นฉันได้ใช้เชือกผูกเจ้ามีตังค์ให้นายเป็ด ซึ่งเป็นญาติของนางบัวมารับเจ้ามีตังค์ที่บ้านเพื่อนำไปจัดการไม่ทราบว่าด้วยวิธีใด แต่คิดว่าคงถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน”
ด้านนางบัว (นามสมมติ) ให้การว่า ก่อนหน้านี้ไก่ที่เลี้ยงไว้ในบ้านประมาณ 8 ตัวเป็นไก่ขนาดใหญ่และปล่อยให้หากินเองในสวนลำไย ถูกเจ้ามีตังค์บุกมาที่บ้านไล่กัดจนเหลือเพียง 2 ตัวต้องขังไว้ในสุ่มไก่ตลอด ช่วงที่ไก่ถูกสุนัขตัวดังกล่าวกัดตนได้พยายามพูดคุยกับนางสาวอุ้ม เพื่อให้หาวิธีป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว แต่คู่กรณีกลับนิ่งเฉยจนเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงได้ไปต่อว่าให้นางสาวอุ้มให้มารับผิดชอบ โดยขอเงินค่าเสียหาย 500 บาท
แต่นางสาวอุ้มไม่มีเงินจ่าย จนมีการตกลงว่าให้มีการนำเจ้ามีตังค์ไปจัดการ ซึ่งตนได้แจ้งให้นายเป็ดที่เป็นญาติกันจัดการให้และไม่ทราบว่านายเป็ดทำอย่างไร จนมาเป็นเรื่องราวใหญ่โต ซึ่งตนยืนยันว่านางสาวอุ้มได้จูงสุนัขออกมาจากบ้านให้ด้วยตัวเอง ซึ่งตนเป็นผู้เสียหายไก่ก็ตายหนำซ้ำกลับต้องได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวอีก
ขณะที่นายเป็ด (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านหลายรายได้บ่นให้ฟังว่าเจ้ามีตังค์มีนิสัยซุกซนชอบไล่กัดสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านตายหลายตัว นอกจากนี้ยังชอบกัดทำลายข้าวของด้วย ซึ่งวันเกิดเหตุนางสาวอุ้มได้จูงสุนัขมาหานางบัวและตน ซึ่งได้ขอให้ตนนำสุนัขตัวนี้ไปจัดการ โดยระบุว่าอยากจะเอาไปทำอะไรก็ทำ ทั้งหมดจึงช่วยกันนำเจ้ามีตังค์ใส่กระสอบก่อนที่ตนจะอุ้มกระสอบไปที่ข้างทางริมลำห้วยท้ายหมู่บ้านแล้วใช้ท่อนไม้ทุบสุนัขตัวดังกล่าว 2 ที ก่อนจะโยนลงลำห้วยแม่กุ้งท้ายหมู่บ้าน ซึ่งตนยอมรับว่าได้ลงมือฆ่าสุนัขตัวดังกล่าวจริงแต่ไม่ได้นำสุนัขตัวดังกล่าวไปกิน
ด้านนางสบันงา นนธะระ หน.ฝ่ายกฎหมายมูลนิธิวอชด็อกฯ กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการทารุณสัตว์อย่างชัดเจน ซึ่งจากการรับฟังการบอกเล่าของนายเป็ดที่ลงมือฆ่าเจ้ามีตังค์ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมมาก เพราะว่าการนำสุนัขไปใส่กระสอบก่อนจะใช้ไม้ทุบ 2 ครั้งแล้วโยนลงน้ำเชื่อว่าขณะนั้นสุนัขอาจจะยังไม่ตายทันทีอาจใช้เวลาพอสมควร
“กรณีดังกล่าวยืนยันที่จะแจ้งความเอาผิดทั้งนางสาวอุ้มคนดูแลเจ้ามีตังค์ ซึ่งจูงสุนัขมาให้คนอื่นเพื่อฆ่า และนางบัวที่สั่งให้นายเป็ดลงมือฆ่าสุนัข กับนายเป็ดคนที่ลงมือฆ่าเจ้ามีตังค์”
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คงต้องรอให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำทั้ง 3 รายก่อนเจ้าหน้าที่จึงจะแจ้งข้อหาทั้ง 3 คนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีที่มีการฆ่าสุนัขไปกินนั้นขณะนี้การให้การของนายเป็ดยืนยันว่าไม่ได้มีการนำสุนัขไปกิน แต่ยังมีข้อสงสัยว่านายเป็ดจะรับอาสานำสุนัขไปฆ่าเพื่ออะไรหากไม่ได้รับผลตอบแทน
กรณีดังกล่าวเข้าข่าย พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์มีโทษจำคุกไม่กิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวยังมีความนิยมบริโภคเนื้อสุนัขอยู่ โดยเมื่อเดือนมกราคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันป่าตอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จ.เชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้ หลังมูลนิธิวอชด็อกแจ้งว่าเจ้าของบ้านมีพฤติกรรมแล่เนื้อสุนัขจำหน่าย จากการตรวจสอบพบสุนัขถูกขัง 1 ตัว และอุปกรณ์การแล่เนื้อสุนัข ซึ่งครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเจ้าของบ้านพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง ดำเนินคดีไปแล้ว
โดย: ผู้จัดการออนไลน์