เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 มอแรก แมคดาวล์ กรรมาธิการสำนักสุขภาพและผู้พิการ รายงานถึงกรณีร้องเรียนแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเพื่อคลอดบุตรในปี 2563 แก่คุณแม่นิรนามในวัยยี่สิบเศษรายหนึ่ง
คุณแม่ยังสาวรายนี้ระบุว่า หลังจากคลอดบุตร เธอก็มีอาการปวดท้องเป็นครั้งคราว ซึ่งทำอย่างไรก็ไม่หาย เธอจึงไปตรวจร่างกาย พร้อมทั้งเอกซเรย์ดูภายใน แต่ไม่ว่าหมอคนไหน ๆ ก็หาสาเหตุไม่พบ
จนกระทั่งถึงคราวที่เธอปวดท้องอย่างรุนแรงและจำต้องส่งตัวไปรักษาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในปี 2564 ซึ่งมีการสั่งให้ทำซีทีสแกนและ “บังเอิญ” พบเครื่องมือถ่างแผลซึ่งใช้ในการเปิดแผลค้างไว้ในระหว่างการผ่าตัด ตกค้างอยู่ในช่องท้องของเธอ
เครื่องมือดังกล่าวทำจากพลาสติกใส มีลักษณะเป็นทรงกลมพร้อมช่องเปิดและมีขนาด “ใหญ่ประมาณจานข้าว” ซึ่งปกติจะต้องมีการเก็บกลับออกมาจากร่างกายของคนไข้เมื่อสิ้นสุดการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ก่อนที่จะเย็บแผลให้คนไข้
หลังจากพบต้นตอของการอาการปวดท้องและนำออกจากร่างกายของคุณแม่ยังสาวรายนี้ในทันที เธอก็ยื่นเอกสารร้องเรียนทีมแพทย์ที่ผ่าตัดทำคลอดให้เธอ
เมื่อพิจารณากรณีของคุณแม่รายนี้ แมคดาวล์ระบุว่า โรงพยาบาลโอคแลนด์ซิตีซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ผ่าตัดทำคลอดให้เธอ ได้ละเมิดมาตรฐานการดูแลรักษาคนไข้อย่างชัดเจน และเหตุการณ์เช่นนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นเลย
หลังจากสอบสวน แมคดาวล์ พบว่าในการผ่าตัดเมื่อปี 2563 ไม่มีการนับรวมเครื่องถ่างแผลเข้าไปในชุดเครื่องมือในการผ่าตัด ซึ่งจะต้องนับเพื่อเช็คจำนวนทั้งก่อนและหลังผ่าตัดตามระเบียบปฏิบัติ จึงทำให้ไม่มีใครในทีมผ่าตัดผิดสังเกตที่มีเครื่องมือหายไปชิ้นหนึ่ง
นอกจากนี้ยังไม่มีใครในทีมงานผ่าตัดครั้งนั้นสามารถให้คำอธิบายได้ว่า เหตุใดเครื่องมือถ่างแผลจึงเข้าไปอยู่ในช่องท้องได้ และเหตุใดจึงไม่มีใครระบุถึงหรือตรวจเช็คเครื่องมือชิ้นนี้ก่อนจะเย็บแผลปิด
ทางด้านตัวแทนของคณะบริหารโรงพยาบาลโอคแลนด์เคาน์ตีก็ได้ออกมาขอโทษต่อคุณแม่รายนี้ที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในระหว่างการรักษา ขณะที่ แมคดาวล์ ระบุว่าเธอจะยื่นเรื่องร้องเรียนนี้ไปยังฝ่ายกฎหมายและทนายความเพื่อพิจารณาว่าจะมีคำสั่งให้โรงพยาบาลดำเนินการต่อไปอย่างไรหรือไม่
ที่มา : insider.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
ที่มา เดลินิวส์