แนวโน้มจำนวนผู้ป่วย “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ทว่าอัตราการเสียชีวิตกลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลสำคัญเพราะ เทคโนโลยีการตรวจคัดกรองและวิทยาการด้านการรักษาที่พัฒนาไปมาก โดยความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะพบใกล้เคียงกันทั้งเพศหญิงและเพศชาย คือประมาณ 1 ต่อ 25 คน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความเสี่ยงอื่นๆ ของผู้ป่วย
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากติ่งเนื้อหรือ Polyp ในลำไส้ใหญ่ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถทราบสาเหตุการเกิดได้อย่างแน่ชัด แต่สามารถแบ่งปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคได้ 2 ประเภท คือ
ปัจจัยความเสี่ยงจากตัวบุคคล ได้แก่
1. อายุ
2. ประวัติในครอบครัวและถ่ายทอดทางพันธุกรรม
3. ประวัติการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้
ปัจจัยความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อม
1. ภาวะน้ำหนักเกินและขาดการออกกำลังกาย
2. อาหาร ในอาหารบางประเภทจะมีสารก่อมะเร็งซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอาหารแปรรูป
3. การสูบบุหรี่ พบว่า 12%ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีพฤติกรรมสูบบุหรี่
4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับการสูบบุหรี่ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งมากยิ่งขึ้น
ระยะแรกของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่เมื่อการดำเนินของโรคผ่านไปและติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่จนกลายเป็นมะเร็งแล้ว ผู้ป่วยจึงจะเริ่มมีอาการแสดงเกิดขึ้น เช่น การขับถ่ายมีเลือดหรือมูกเลือดปน ถ่ายอุจจาระก้อนเล็กลง ท้องผูกสลับท้องเสีย แน่นท้อง ท้องโต หรือคลำเจอก้อนในท้อง
ดังนั้น หากได้รับการตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนักตั้งแต่อายุ 45 -50 ปี เมื่อมีการตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หรือสามารถป้องกันมะเร็งได้ถ้าตรวจเจอตั้งแต่เป็นติ่งเนื้อก่อนที่จะเป็นมะเร็ง
เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ระยะของโรค ตำแหน่งและขนาดของก้อนมะเร็ง อายุ สภาพร่างกายและโรคร่วมของผู้ป่วย โดยมี 4 วิธีหลักที่ใช้ในการรักษา ได้แก่
1. การผ่าตัด เป็นการตัดเอาลำไส้ส่วนที่เป็นรอยโรค และต่อมน้ำเหลืองออก หรือในบางกรณีหากรอยโรคอยู่ที่ลำไส้ส่วนปลายที่ติดกับทวารหนัก อาจมีความจำเป็นต้องผ่าตัดทำทวารเทียม
2. การฉายรังสี เป็นการรักษาร่วมกับการผ่าตัด โดยฉายรังสีก่อนหรือหลังผ่าตัดก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้และการพิจารณาของแพทย์ ใช้ในมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลายและทวารหนัก
3. ยาเคมีบำบัด อาจให้ก่อนหรือหลังผ่าตัด ร่วมกับการฉายรังสีหรือไม่ก็ได้ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ไม่จำเป็นต้องให้ในผู้ป่วยระยะแรกเริ่ม
4. ยามุ่งเป้า (targeted therapy) ให้ร่วมกับยาเคมีบำบัด ชนิดของยาขึ้นอยู่กับการตรวจยีนจากชิ้นเนื้อ เพื่อวิเคราะห์การตอบสนองของยา (precision medicine)
การป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ดีที่สุด สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่มาจากสภาพแวดล้อม ส่วนผู้ที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เพื่อตรวจหาติ่งเนื้อหรือเนื้องอกที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ที่อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งในอนาคตได้
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,907 วันที่ 23 – 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566