ความคืบหน้าคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ นำหมายจับเข้าทำการจับกุมพ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตร อก.สภ.หางดง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ขณะที่บวชเป็นพระ หลังตกเป็นผู้ต้องหาพัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการร่วมกับลูกสาวติดตั้งอุปกรณ์ SIMBOX ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชน โดยถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก เพื่อดำเนินคดีข้อหา”ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม
เมื่อวานนี้(20 ก.ค.67) ที่ สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมคณะสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ พ.ต.ท.บัณฑิต เพิ่มเติม โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และหลังจากนั้นเปิดเผยว่า เบื้องต้น พ.ต.ท.บัณฑิต ยังคงปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยยอมรับแต่เพียงว่าช่วยเหลือลูกติดของภรรยาทั้งสองคนที่ถูกจับ ให้ใช้ห้องพักตัวเองเป็นสถานที่นำอุปกรณ์มาไว้ ซึ่งในช่วงที่เริ่มติดตั้งได้แค่เพียงแวะมาดูและช่วยขนขึ้นไปไว้บนห้องพักเท่านั้น โดยไม่รู้ว่าใช้งานอะไรและผิดกฎหมาย อีกทั้งไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงมีการออกหมายจับ และเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 คน
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุด้วยว่า การขอหมายจับจนกระทั่งจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ ทางตำรวจได้หลักฐานเด็ดจากลูกสาวของผู้ต้องหารายนี้ เป็นคลิปภาพการที่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้พบกับนายทุนชาวจีนผู้มาร่วมลงทุนและพากันไปหาสถานที่ ซึ่งมีคลิปภาพตอนอยู่ด้วยกันและหลักฐานอื่น ๆ ที่ลูกสาวของนายตำรวจดังกล่าวเอาให้ตำรวจ จึงนำไปสู่การขอหมายจับในครั้งนี้ โดยตอนแรกตำรวจไม่รู้ว่า พ.ต.ท.บัณฑิต อยู่ที่ใดด้วย แต่ต่อมา พ.ต.ท บัณฑิต โทรศัพท์ติดต่อเพื่อขอมอบตัวในวันที่ 22 ก.ค.67 จึงทำให้รู้ว่าอยู่ที่ใด ซึ่งทาง พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภาค 5 จับกุมตามหมายจับทันที พร้อมควบคุมตัวส่ง สภ.ช้างเผือก
ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เท่าที่สอบปากคำ ผู้ต้องหา ทราบว่าลูกของผู้ต้องหาได้รับการติดต่อจากฝั่งประเทศประเทศเมียนมาซึ่งเป็นคนจีน ให้นำเครื่องที่ใช้ในการก่อเหตุเข้ามาวางในเชียงใหม่ โดยลูกของผู้ต้องหาได้มาขอให้ผู้ต้องหาช่วยวางและช่วยขนของ ซึ่งการเป็นตำรวจต้องทราบอยู่แล้วว่าสิ่งพวกนี้ผิดกฎหมายและไม่สมควรทำ และหลักฐานว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องจึงได้ออกหมายจับคุมตัวมาดำเนินคดี ตอนนี้อยู่ในระหว่างการออกหมายจับคนที่สั่งการและคนประสานงานที่นำเครื่องก่อเหตุเข้ามา และอย่างน้อยน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการสักสามคน ซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การที่ผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เร่งออกหมายจับและทำการจับกุมเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยเวลานี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิด หากพบว่าการกระทำผิดจริง ในขั้นตอนต่อไปจะพิจารณาว่า ต้องปลดออกจากราชการหรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบสอบข้อมูลทั้งหมดยังไม่พบว่ามีนายตำรวจคนอื่นๆเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เป็นการกระทำผิดเฉพาะตัวกับคนในครอบครัว ส่วนรายละเอียดการขยายผลคดีนั้น พบว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องในคดีอีกหลายคน ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป.