เชียงใหม่ – เปิดตำนาน “ก้านกล้วยรอบสระ”..วิถีคนแม่โจ้ในอดีต เผยเป็นกฎที่เคยถือปฏิบัติ-ลงโทษรุ่นน้องทำผิดรุนแรงชกต่อยกัน-รุ่นน้องหาเรื่องรุ่นพี่ก่อน เป็นต้องโดนก้านกล้วยตีรอบ “สระเกษตรสนาน” เผยเคยมีคนโดนจนต้องทายาหม่องเป็นอาทิตย์มาแล้ว
หลังนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ออกมาเปิดเผยถึงปฏิบัติการล่อซื้อ-ดำเนินคดี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ม.แม่โจ้ เพื่อให้ยุติการร้องเรียนการทุจริตโครงการของกรมการข้าว บางช่วงบางตอนว่า..หากเป็นสมัยก่อนได้โดนก้านกล้วยรอบสระ และโกนหัวครึ่งซีกแน่..
ซึ่งคำว่า..ก้านกล้วยรอบสระ..นั้น หากเป็นศิษย์เก่าแม่โจ้จะรู้กันดีว่า นั่นคือหนึ่งในกิจกรรมรับน้อง หรือโซตัสของแม่โจ้ในอดีต แต่เรื่องราวนี้แพร่งพรายออกมาสู่สังคมภายนอกค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีคำสัญญาสาบานผูกมัดกันไว้ทุกรุ่น
อดีตนักศึกษาหรือศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ รุ่น 30 กว่าปีก่อนคนหนึ่งบอกว่าระบบโซตัสในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตามที่อธิบดีกรมการข้าวระบุเคยมีอยู่จริงและมีหลากหลายกฎที่นักศึกษาตั้งกันขึ้นมาเอง จากนั้นทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องก็นำมาใช้ปฏิบัติร่วมกันเพื่อใช้ทำให้สังคมนักศึกษาอยู่กันอย่างปกติสุขและเคารพนับถือกัน
เรื่องราวโซตัสแม่โจ้ยังเคยมีการนำไปเขียนเป็นนิยายเรื่อง “ร้อยป่า” ที่บอกเล่าเรื่องราวการรับน้องของแม่โจ้ในอดีต มีถึงขั้นถีบลง “สระเกษตรสนาน” อีกด้วย
แต่กฎโซตัสเหล่านี้ได้ยกเลิกหมดแล้วในยุคที่โทรศัพท์มือถือสามารถถ่ายภาพได้ และยิ่งในยุคสื่อสาธารณะหรือโซเชียลมีเดีย ก็ไม่มีคนทำกันอีก เรื่องแบบนี้จึงหายไปตั้งแต่เมื่อประมาณ 10-15 ปีก่อน
ศิษย์เก่าแม่โจ้เมื่อ 30 กว่าปีก่อนกล่าวอีกว่า กฎโซตัสมีหลายข้อ แต่ข้อหนึ่งที่ทุกคนจะต้องจำใส่ใจไว้เป็นอย่างดีคือ หากเกิดกรณีรุ่นพี่และรุ่นน้องทะเลาะวิวาทถึงขั้นชกต่อยกัน ก็จะมีการสืบหาข้อเท็จจริงและหากใครทำผิดก็จะต้องให้วิ่งรอบสระน้ำที่เรียกกันว่า “สระเกษตรสนาน” ที่มีขนาดกว้างเท่าครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัย
เมื่อได้ตัวคนผิดแล้ว ก่อนจะให้วิ่งรอบสระ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องก็จะพากันไปตัดก้านกล้วยและลิดใบออกเหลือแต่ก้านที่มีความยาวขนาดไม้ตำข้าว แล้วนำไปให้รุ่นพี่และเพื่อนของคนที่จะถูกลงโทษถือไปยืนเรียงอยู่ริมสระน้ำตามทางวิ่งของคนที่จะถูกลงโทษ ส่วนรุ่นน้องที่ไม่ได้ถูกลงโทษจะไม่ให้ตีแต่จะให้ไปนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งเพื่อดูไว้เป็นตัวอย่าง
จากนั้นก็จะให้คนที่ถูกลงโทษวิ่งไปตามขอบสระ และเมื่อถึงจุดที่รุ่นพี่และเพื่อนรุ่นเดียวกันยืนอยู่ก็จะถูกก้านกล้วยตีจนเกิดเสียงดังไปตลอดทาง เรียกได้ว่าเป็นการลงโทษสำหรับเหตุการทะเลาะวิวาทถึงขั้นชกต่อยกันเป็นหลัก โดยเฉพาะต่อรุ่นน้องที่ไปหาเรื่องรุ่นพี่ก่อน ซึ่งก็ถือว่าได้ผลดีเพราะสามารถใช้ควบคุมคนจำนวนมากให้อยู่กันอย่างเป็นปกติได้
“สระน้ำกว้างประมาณครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล ก่อนจะออกวิ่งก็จะมีการไปหาตัดต้นกล้วย ครั้งหนึ่งได้มามากกว่า 1 คันรถ เมื่อคนที่ถูกลงโทษออกวิ่งก็จะเสียงตีดังแป๊บๆๆๆ ไปตลอดทาง เพื่อนของพี่คนหนึ่งถูกตีจนต้องทายาหม่องไปตลอดสัปดาห์ ซึ่งในยุคของอธิบดีกรมการข้าวและคุณศรีสุวรรณถือว่าเป็นคนมีอายุแล้ว เคยผ่านกฎโซตัสนี้มาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้ยกเลิกกันไปหมดแล้วตามยุคสมัย” ศิษย์เก่าแม่โจ้กล่าว