เกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจเมื่อครูสาวคนหนึ่งที่ต้องเข้าเวรในโรงเรียนในช่วงวันหยุด ถูกชายที่ทางโรงเรียนจ้างให้มาตัดต้นไม้ในโรงเรียนทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ โดยกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ขณะที่ครูสาวคนหนึ่ง ถือมีดยาวพยายามกวัดแกว่งป้องกันตัวจากผู้ก่อเหตุ ที่เดินเข้ามาพยายามจะเข้ามาทำร้าย
โดยในมือผู้ก่อเหตุพบว่าถือปืนอยู่ด้วย ก่อนจะเข้าชาร์ทจับตัวครูสาวไว้ได้ และจับกดลงกับพื้น แล้วทุบไปที่ตัวครูสาวอย่างแรงอีกหลายครั้ง
จากนั้นก็ลากตัวครูสาวไปกับพื้น ลากไปกระทืบไป ลากออกไปที่ถนน ก่อนลากกลับเข้ามาที่อาคารเรียน มีจังหวะหนึ่งที่มีรถคนงานขับรถกระบะเข้ามาเห็นเหตุการณ์ และพยายาม จะเข้าไปช่วยครูสาว แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุ มีอาวุธพยายามยืนคุมเชิงอยู่ จึงไม่กล้าช่วยออกมาในทันที
จนกระทั่งมีจังหวะที่ผู้ก่อเหตุเผลอ ครูสาวรีบวิ่งออกมาหาคนงานพาวิ่งหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ขณะที่คนร้ายรีบหลบหนีออกไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในโรงเรียนบ้านโป่งเกลือ ม.4 ต.ดอยลาน อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งผู้บาดเจ็บ คือ นางอัจราภรณ์ ยศบุญ อายุ 41 ปี ครูประจำชั้น ป.2 มีแผลฟกซ้ำบริเวณใบหน้าและลำตัว
วนผู้ก่อเหตุ คือนายนิรันดร์ อายุ 38 ปี ทั้งนี้นายนิติธร อินธรรม ผู้ใหญ่บ้านโป่งเกลือ ให้ข้อมูลว่า นายนิรันด์ คือคนงานที่ทางโรงเรียนได้ว่าจ้างให้มาตัดต้นไม้ที่ยืนต้นตายในโรงเรียนได้ประมาณ 3 อาทิตย์แล้ว และพบว่าเคยมีประวัติเสพยาเสพติดมาก่อน ก่อนมาก่อเหตุกับครูสาวที่มาเข้าเวรในวันหยุดเพียงคนเดียว
ซึ่งในวันเกิดเหตุพบว่า มีเด็กนักเรียนชายชั้น ป.6 เล่นกันอยู่บริเวณโรงเรียน และเห็นเหตุการณ์ที่ครูถูกทำร้ายด้วย ซึ่งเมื่อคนร้ายเห็นเด็กนักเรียน ได้มีการทำมือลักษณะจุ๊ปากให้เงียบ ซึ่งตอนนั้นเห็นคนร้ายมีมีดในมือ เด็กจึงไม่กล้าเข้าไปช่วย
ขณะที่ นางมด (นามสมมุติ) ภรรยาของนายนิรันดร์ บอกว่า จากการคุยกับสามีทางโทรศัพท์ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุเข้ามานั่งรอตัดไม้ แต่อยู่ๆ ถูกครูผู้หญิงเข้ามาโวยวายใส่ว่าทำไมต้องพกมีดเข้ามาด้วย กล่าวหาว่าจะมาทำอะไรไม่ดีหรือไม่ และเข้ามาแย่งมีดช่วงที่ยื้อแย่งมีด ถูกมีดฟันเข้าที่ปากจนบาดเจ็บจึงบันดาลโทสะระงับอารมณ์ไม่อยู่
ภรรยาผู้ก่อเหตุ ยอมว่าที่ผ่านมา สามีก็เป็นอารณ์ร้อน แต่ก็ไม่เคยไปทำร้ายใครจนเลือดตกยางออกมาก่อน และตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยถูกทำร้าย เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไรที่ทำให้สามีต้องโมโหขนาดนี้
ล่าสุด นายนิรันดร์ เดิทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงรายแล้ว เบื้องต้นรับสารภาพว่าทำร้ายครูสาวในโรงเรียนจริง แต่ไม่ได้มีการวางแผนหรือจงใจที่เข้าไปทำร้ายครู แต่เข้าไปรับจ้างตัดต้นไม้ กลับถูกครูสาวเข้ามาทำร้ายร่างกายก่อนทำให้บันดาลโทษะเป็นเหตุให้ทำร้ายร่างกายดังกล่าว ตำรวจจะสอบสวนผู้ต้องหาอย่างละเอียด รวมทั้งครูสาวที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาต้อไป
ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในวงการครู มีการออกมาเรียกร้องให้ #ยกเลิกครูเวร ทั้งกลางวันและกลางคืน ในหลายๆ เหตุผล โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย โดย เพจ “ครูวันดีดอทคอม – เปิดสอบครู สมัครงานราชการ” ระบุว่า “เวรยามกลางคืน กลางวัน มันสมควรยกเลิกได้แล้วมั้ง ดูแลทรัพย์สินราชการ แต่ชีวิตครู ใครจะมาดูมาแล เวลาเกิดเหตุจะเอาอะไรไปสู้โจรผู้ร้าย” ขณะที่มีความเห็นหนึ่งที่บอกว่า ทุกหมูบ้านจะมี อปพร. ประจำอยู่แล้ว ซึ่งถูกฝึกมาโดยตรง ถ้าประสานให้มาดูแลโรงเรียนจะดีกว่าไหม
ด้านว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดถึงกรณีดังล่าวว่า ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษษธิการ ทราบถึงภาระและความกังวลใจของคุณครูทั่วประเทศที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เวร ไม่ว่าจะเป็นเวรกลางวันหรือเวรกลางคืน ซึ่งเป็นไปตาม มติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2542 ที่กำหนดให้สถานที่ราชการทุกแห่ง ต้องจัดให้มีเวรรักษาการณ์ เพื่อดูแลและป้องกันความเสียหาย อันจะบังเกิดแก่สถานที่ราชการ จึงได้กำหนดนโยบายลดภาระครู เพื่อให้คุณครูได้ทุ่มเทเวลาเพื่อการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ และได้สั่งการ สพฐ. ให้เสนอขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติคืนอัตรานักการภารโรงกว่า 14,000 ตำแหน่ง เพื่อให้ทุกโรงเรียนมีนักการภารโรงประจำ ซึ่งจะสามารถช่วยทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่โรงเรียนได้อีกแรงหนึ่ง ซึ่ง สพฐ. ได้จัดทำคำขอต่อ ครม. เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา
ซึ่งในระหว่างที่รอ ครม. พิจารณาอนุมัติคืนตำแหน่งนักการภารโรง ขอ สพฐ. และโรงเรียนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานปกครองในพื้น ที่หรือผู้นำชุมชน ช่วยจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยในโรงเรียน และกระทรวงมหาดไทยให้สนับสนุนการทำงานของโรงเรียน พร้อมทั้งจะเร่งแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดเวรยามและการรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษาที่เหมาะ
ที่มา