ลำพูน – ผู้เสียหายชาวลำพูนเล่าละเอียดยิบ..โดนนายหน้าที่ดินร่วมกับครูสาวซี 8 อ้างตัวสวมบทเป็นทนายรับว่าความคดีที่ถูกฉ้อโกง หลอกเงินค่าทำคดีไป 120,000 บาท สุดท้ายพบไม่มีชื่อในสารบบสภาทนายฯ แถมส่งหมายศาลปลอมให้ดูซ้ำ
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามรายละเอียดกับเจ้าของโพสต์..นายหน้าที่ดินสาวร่วมกับครูสาวซี 8 หลอกสวมบทเป็นทนายความรับทำคดีที่ถูกฉ้อโกง แต่ข้ามปี..ไม่มีความคืบหน้า ทวงถามแล้วกลับทำหมายศาลปลอมส่งให้ทางไลน์ซ้ำ สุดท้ายรู้ตัวถูกแก๊งครูหลอกสูญเงิน 1.2 แสนบาท
ทราบชื่อคือนายหนุ่ม (นามสมมติ) เป็นลูกชายของผู้เสียหายหญิงวัย 48 ปี ชาว ต.เหล่ายาว อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ซึ่งบอกว่าประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2566 แม่ทำเรื่องฟ้องลูกหนี้รายหนึ่ง ซึ่งมีการยืมเงินแล้วหนีหายไป ปรึกษากับทางครอบครัวว่า จะหาทนายมาว่าความคดีนี้ให้
หลังจากนั้นได้มีนาง ม.ทราบภายหลังว่าเป็นนายหน้าขายที่ดิน ติดต่อมาทาง Inbox Face book ทักมาว่ารู้แหล่งหลบหนีของลูกหนี้คนดังกล่าวอยู่ที่ไหน ต่อมานาง ม.ได้แนะนำให้ทางคุณแม่ฟ้องลูกหนี้คนนี้ โดยมีการแนะนำทนายความมาคนหนึ่ง อ้างชื่อว่าทนายธนากร โดยย้ำว่าการที่จะติดต่อทนายธนากรต้องติดต่อผ่านทางเขาเท่านั้น
เวลาผ่านไปไม่นานนาง ม.ได้มาบอกว่าจะต้องมีการจ่ายค่าจ้างให้ทนายธนากรเพื่อเป็นการเริ่มการทำคดี และต่อมาได้มีการเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการเอกสารการออกหมายเรียก โดยการโอนเงินทั้งหมดผ่านนาง ม.ตลอด รวมเป็นเงิน 48,676 บาท
แต่ผ่านไปอีกหลายอาทิตย์ หลายเดือน เรื่องเริ่มเงียบ เอกสารไม่ออก พอทักไปขอดูเอกสาร นาง ม.ก็มีการบ่ายเบี่ยงประเด็นมาตลอด จนเวลาผ่านไป 4 เดือน นาง ม.ได้มาบอกว่าทนายธนากรมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงมีการแนะนำทนายให้ใหม่ ได้มีการเสนอทนายคนใหม่มา ซึ่งก็คือทนาย น. ซึ่งเป็นผู้หญิง มาทำคดีให้
โดยอ้างว่าทนายคนนี้ (ทนาย น. หรือนาง น.) เป็นทนายที่เคยทำคดีให้มาก่อน และเป็นหัวหน้าทีมของทนายธนากร ซึ่งครั้งนี้มีการนัดเจอกันแบบเป็นตัวเป็นตน ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ทำให้แม่เชื่อใจ
วันนั้นมีการคุยกันในเรื่องของโฉนดที่ดิน ทั้งคู่อ้างว่า..ทนายธนากรมีหนี้ติดค้างกับทนาย น. จึงได้เอาโฉนดใบนี้มาจำนองไว้กับทนาย น. หลังจากนั้นนาง ม.ก็ได้บอกว่าเอาโฉนดที่ดินใบนี้เป็นตัวค้ำประกันเงินค่าจ้างของทนายธนากร แต่ต้องจ่ายเงินให้ทนาย น.ก่อน 25,000 บาท เพื่อที่ว่าจะใช้หนี้ให้ทนายธนากรที่มีต่อทนาย น.แต่เหตุนี้มีเหตุผลรองรับเนื่องจากว่าโฉนดที่ได้มา นาง ม.ได้เสนอว่าจะเอาไปจำนองให้นายทุนเพื่อเอาเงินที่จ้างทนายธนากรคืนให้ทั้งหมดและมีการโอนเงินให้ทนายหลายครั้ง แต่เรื่องก็เงียบ ทนาย น.อ้างว่าติดธุระ
จนเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 ทนาย น.ได้ส่งหมายศาลมาให้ แต่หมายศาลฉบับนี้ส่งมาให้ในรูปแบบของภาพถ่ายในไลน์ และมีการปิดหมายเลขคดีไว้ และมีการอ้างว่า “ที่ต้องปิดเลขคดีไว้ เพราะวันที่ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งออกหมายศาลให้ เขาอาจจะยังไม่ได้เอาลงสารบบของศาล เกรงว่าหมายเลขคดีอาจจะเลื่อนได้ เพราะอายุความของหมายนับแต่วันที่ออกมีอายุ 15 วัน กระทั่งวันที่ 12 มกราคม 2567 ทางเราได้มีการตามไปเร่งเรื่องของคดีว่าไปถึงไหนแล้ว ทนาย น.ได้ตอบกลับมาว่า “รวบรวมหลักฐานพยานอยู่ มันต้องใช้เวลานิดหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้แม่ได้มีการทวงเงินนาง ม.มาตลอด เรื่องของเงินค่าจ้างทนายธนากร ที่อ้างว่าจะหามาคืนโดยการเอาที่ดินไปจำนองให้นายทุน แต่เนื่องจากทวงไปก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด ทนาย น.จึงเสนอตัวออกความคิดว่าได้ทวงเงินนาง ม. แต่ก็ไม่ได้ ทนาย น.จะหานายหน้ารับจำนองที่ดินให้แทน แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการก่อน 10,000 บาท
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปก็ได้พูดคุยกันมาตลอด ทนาย น.ก็มีการเรียกเก็บเงินค่าต่างๆ อีก รวมกันทั้งหมดเป็นเงิน 120,176 บาทแล้ว ทางบ้านรู้สึกแปลกๆ กับพฤติกรรมของทนาย น.จึงมีการตรวจสอบ 1. ขอดูใบแต่งตั้งทนายความ แต่โดนทนาย น.ตอบกลับมาว่า “บัตรเขาไม่เผยแพร่กันง่ายๆ นะคะ” 2. ถามว่าบริษัท หรือสำนักงานทนายความตั้งอยู่ที่ไหน แต่ทนาย น.ตอบกลับมาว่า “กรุงเทพฯ ค่ะ” และถามว่าชื่อบริษัทที่กรุงเทพฯ ชื่ออะไร ทนาย น.ตอบกลับมาว่า “สำนักงานทนายความ บ้านกฎหมายกรุงเทพฯ” ถามว่าบริษัทมีเพจ Face book มั้ย ได้รับคำตอบกลับมาว่า “ไม่มีค่ะ เราไม่ได้มีแอดมินคอยนั่งตอบ ติดต่อลูกความโดยตรง เสียเวลามานั่งจ้างแอดมินอีกค่ะ”
หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ รับหมายเรียกศาลทำไมส่งมาถึงบ้านช้าผิดปกติ จึงได้โทร.ไปสอบถามทางสภาทนายความให้ขอตรวจสอบชื่อทนาย น. ปรากฏว่าทางสภาทนายความได้บอกว่าชื่อนี้ไม่ได้อยู่ในระบบ ทำให้รู้ว่าทนาย น.คือทนายปลอม ต่อมาจึงได้เอาหมายศาลที่ทนาย น.ถ่ายรูปมาให้ไปตรวจสอบที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่าชื่อโจทก์ กับจำเลย ไม่ได้อยู่ในสารบบการออกหมายศาล แสดงว่าหมายเรียกที่ได้มาคือของปลอม
“พอพวกเรารู้ความจริง แต่ก็ยังได้ทักไปตลอด ไม่ได้เฉลยความจริงให้ทนาย น.ได้รับรู้ ซึ่งพอทักไปทนาย น.ก็ได้มีการตอบกลับว่าเป็นโควิดบ้าง ปอดติดเชื้อต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลบ้าง ช่วงนี้การติดต่อก็เริ่มขาดๆ หายๆ ขณะเดียวกันได้สืบทราบว่าทนาย น.ก็คือ ครู น.อายุ 38 ปี เป็นครูซี 8 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่ทา จ.ลำพูน”
หลังจากนั้น แม่จึงได้ไปแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านโฮ่ง เพื่อดำเนินคดีนาง ม.และครู น. โดยเบื้องต้นทางตำรวจได้มีการให้ลงบันทึกประจำวัน และรับมอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อเตรียมดำเนินคดี ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าหมายศาลฉบับดังกล่าวเป็นหมายศาลปลอม เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสารทางราชการ