อุทัยธานี – ครูสาวเปิดใจเล่านาทีอุทาหรณ์..โดนมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิดีโอคอลคุยหน้าโรงพัก แจ้งข้อหาพัวพันคดียาบ้า 2 แสนเม็ด ค่ากว่า 8 ล้าน ส่งไม้ต่อคนอ้างเป็น ผกก. หลอกโอนเงินประกันตัวเป็นแสน เจ้าตัวเผยทั้งบัญชีมีแค่ 7 บาท สุดท้ายยืมเพื่อนมาได้ 1 หมื่น โอนให้เกลี้ยงบัญชี
ครูสาวในอุทัยธานีรายหนึ่งออกมาเล่าอุทาหรณ์เตือนภัย คุยกับใครให้มีสติ หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาว่าตนเองพัวพันคดียาบ้า 2 แสนเม็ด..อ้างว่าสืบทราบมาจากซิมโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง ก่อนวิดีโอคอลคุยกันสดๆ ที่หน้า สภ.นครสวรรค์ ทำให้เจ้าตัวหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ถูกหลอกให้โอนเงินประกันตัวหลักหมื่นบาท ซ้ำยังให้กู้เงินสหกรณ์ ขอทั้งโฉนดที่ดิน-ทองคำ
ก่อนเพื่อนครูช่วยดึงสติ ทำให้สูญเงินไปแค่หลักหมื่นบาท ซ้ำยังเป็นเงินที่ยืมเพื่อนครูด้วยกันมาอีกด้วยเนื่องจากวันนั้นมีเงินในบัญชีแค่ 7 บาท
นางสาวพรนภา ทิพยัคฆ์ อายุ 29 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 09.40 น. มีสายโทร.เข้าอ้างมาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานกฎหมายของเอไอเอส แจ้งว่า..มีการแอบอ้างชื่อไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่เซ็นทรัล นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เวลา 13.45 น. จึงแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมทำหนังสือแจ้งความบริสุทธิ์ จากนั้นมีตำรวจโทร.มาแจ้งว่ามีคดีพัวพันยาเสพติด 200,000 เม็ด มูลค่า 8.5 ล้านบาท
ซึ่งตอนนั้นตนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้ไปจังหวัดนครสวรรค์ในวันเวลาดังกล่าว ปลายสายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอไลน์และวิดีโอคอลเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นได้ส่งข้อมูลทะเบียนราษฎรและเล่มบัญชีม้ามาให้ พร้อมแสดงเอกสารเพิ่มเติม อย่างบัญชีของกลางคดีอาญา คำสั่งศาล และอ้างว่าอยู่หน้า สภ.นครสวรรค์
“ตอนที่วิดีโอคอลคุยกันนั้นก็เป็นภาพที่อยู่หน้า สภ.เมืองนครสวรรค์จริงๆ มีการเดินเข้าไปเคาะประตู มีการวอวิทยุพูดคุยกันเป็นระบบขั้นตอนเหมือนกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ”
หลังจากนั้นได้มีการส่งไม้ต่อให้กับมิจฉาชีพที่อ้างตัวว่าเป็น “ผู้กำกับฯ” บอกตนว่า ตอนนี้ตนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและคดียาเสพติด โดยหมายศาลจะมาถึงบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ ต้องส่งข้อมูลเลขบัญชีและหลักทรัพย์ทั้งหมดให้กับตำรวจเพื่อใช้ในการประกันตัว
นาทีนั้นตกใจมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี มิจฉาชีพที่อ้างเป็นตำรวจบอกว่าต้องมีหลักทรัพย์ 100,000 บาทเพื่อประกันตัว ซึ่งตนก็บอกไปว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น หลังจากนั้นก็บอกว่าต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 10,000 บาทเพื่อแสดงว่าไม่ได้ฟอกเงิน ก่อนสอบถามถึงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองรูปพรรณ และโฉนดที่ดิน หากมีจะถูกยึดเป็นของกลางทั้งหมด
ขณะที่คุยกันนั้นทางมิจฉาชีพจะไม่วางสายและย้ำว่าไม่ให้บอกใครเพราะเป็นคดีใหญ่ที่สุดในนครสวรรค์ ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และยังมีคนร้ายหลบหนีมาในจังหวัดอุทัยธานี ด้วยความตกใจกลัวจึงไปขอยืมเงินเพื่อนครูด้วยกันมา 10,000 บาท ทั้งบัญชีตนเองมีเพียงแค่ 7 บาทเท่านั้น ก่อนโอนเงินตามที่คนร้ายบอกไป