รัฐฉาน เมียนมา – ทั้งคนไทย-พม่าเปิดประสบการณ์สุดโหด..หลังหลงกลเข้าร่วมแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ใต้เงาทุนจีนเทารัฐฉานเหนือ บางส่วนถูกส่งเข้าตึก 9 เมืองเล่าก์ก่าย หนึ่งในฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บางรายโดนขายต่อเป็นทอด มีทั้งบังคับขายตัว-ลวงเหยื่อทั่วโลก ก่อนถูกปราบ-ช่วยจนรอดมาได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สกิมเมอร์ ถ่ายทำภาพยนตร์ลามก และอาชญากรรมอื่นๆ ได้ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เป็นฐานปฏิบัติการ มีทั้งคนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวง-คนหลงเชื่อ/สมัครใจ เข้าร่วมขบวนการก่ออาชญากรรมออนไลน์
กระทั่งทางการจีนได้ขอความร่วมมือและบางแห่งเข้าปฏิบัติการเอง เดินหน้าปราบปรามกลุ่มจีนเทาในพื้นที่ต่างๆ ทั้งเขตปกครองตนเองโกกั้ง เขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ฯลฯ เพราะแก๊งจีนเทาส่งผลกระทบต่อชาวจีนอย่างหนัก
กอปรกับเกิดสงครามในเขตปกครองตนเองโกกั้ง และล่าสุดกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Democratic Alliance Army: MNDAA) ซึ่งสนับสนุนประเทศจีนในการปราบแก๊งจีนเทาชนะสงครามและยึดพื้นที่ได้ทั้งหมด
พบว่าที่หลงและเข้าไปอยู่ใต้เงาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมออนไลน์ หนีรอดและได้รับการช่วยเหลือส่งกลับช่วงเดือน พ.ย. 2566-ม.ค. 2567 รวมไม่น้อยกว่า 500 คน
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ได้ศึกษาสภาพพื้นที่และสอบถามบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเหยื่อที่หนีออกจากการคุมขังของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พบว่าพื้นที่ที่เคยเป็นฐานของแก๊งดังกล่าวนี้คือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) มีฐานอยู่ในเมืองปางซาง เมืองหลวงของสหรัฐว้า, เมืองป๊อก ติดชายแดนเมียนมา-จีน และเขตปกครองตนเองโกกั้ง มีฐานอยู่ที่เมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเติบโตด้วยกาสิโนและแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมากนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
เหยื่อส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯ สัมภาษณ์เป็นเยาวชนหลายคนที่เคยอยู่เมืองใหญ่ในประเทศเมียนมา 2 คนแรกคือ จายเอ อายุ 21 ปี ชาวเมืองสีป้อ และซอซอ อายุ 19 ปี ชาวเมืองจ็อกเม นักศึกษาชั้นปีที่ 3 และ 1 (ตามลำดับ) ซึ่งได้ร่วมชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารของทหารเมียนมาเมื่อต้นปี 2564
ทั้งคู่บอกว่าถูกกดดันให้ออกจากมหาวิทยาลัยฯ-หนีการปราบปรามไปทำงานขายโทรศัพท์มือถือที่เมืองล่าเสี้ยว รัฐฉานตอนเหนือ แต่มีรายได้น้อยเพียงเดือนละ 150,000 จ๊าตแทบไม่พอใช้ ต่อมาได้เห็นโฆษณาจัดหางานในเฟซบุ๊กรับสมัครคนพูดภาษาอังกฤษได้และมีความรู้คอมพิวเตอร์ไปทำงานบริษัทพนันออนไลน์ที่เมืองปางซาง เมืองหลวงของสหรัฐว้า แลกค่าจ้างเดือนละ 2 ล้านจ๊าต
เมื่อจายเอและซอซอหลงเชื่อจึงไปพบกับนายหน้าชื่อ “มะนู” เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2565 ในเมืองล่าเสี้ยว วันที่ 14 ต.ค.พวกเขาก็ถูกพาตัวไปพร้อมกับคนอื่นๆ อีกหลายคน ไปถึงเมืองป๊อกซึ่งไม่ใช่เมืองปางซางตามที่อ้างในโฆษณาสมัครงาน โดยพวกเขาถูกหลอกทำสัญญาจ้างงาน 6 เดือน
จากนั้นถูกแก๊งชาวจีนบังคับให้พูดคุยทางออนไลน์กับเหยื่อชาวตะวันตกโดยใช้รูปหญิงหน้าตาดีเป็นโปรไฟล์ และชักชวนให้ลงทุนในเว็บไซต์เงินคริปโตปลอม เมื่อได้เงินแล้วก็ปิดหนี โดยตั้งเป้าให้หาเหยื่อวันละ 3 คน ถ้าทำไม่ได้จะถูกลงโทษวิ่งแบกถังน้ำ ถูกขังรวมกับเหยื่อคนอื่นๆ ใส่กุญแจมือ ทุบตีด้วยกระบองยาง บังคับให้ดื่มน้ำสองลิตรรวด ไฟฟ้าจี้ เป็นต้น
โชคดี..ที่หนึ่งในผู้ที่ถูกคุมขังด้วยกันสามารถติดต่อกับญาติที่เป็นกองกำลังปกป้องชายแดน (BGF) ได้ 24 ธ.ค. 66 จึงมีตำรวจและทหารว้าบุกเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาออกมาได้ และถูกส่งตัวไปยังเมืองปางซาง โดยต้องเสียเงินให้กับตำรวจเมียนมาคนละ 300,000 จ๊าต และตำรวจว้าคนละ 2,000 หยวน ขณะที่ร่างกายยังบอบช้ำโดยเฉพาะซอซอต้องรักษาตัวในคลินิกเอกชน 1 สัปดาห์จึงจะฟื้นตัว
นวยนวย พยาบาลสาววัย 29 ปีจากโรงพยาบาลของรัฐในกรุงย่างกุ้ง เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารแต่ถูกปราบปรามจึงหลบหนีไปอยู่กับญาติที่เมืองหนองเขียว รัฐฉานตอนเหนือ และยังได้ร่วมกับกลุ่มต่อต้านที่มีทั้งอารยะขัดขืนและติดอาวุธ
แต่เพราะต้องหาเลี้ยงชีพตัวเองด้วย ในเดือน ก.ย. 2565 ได้รับการติดต่อจากหญิงคนหนึ่งชื่อ “นางหลาว” อ้างว่ามีงานให้ทำเป็นพยาบาลในเมืองปางซาง เมืองหลวงของสหรัฐว้า เงินเดือน 2,500 หยวน เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปเมืองปางซางเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ปีเดียวกัน แต่นางหลาวกลับขายเธอให้กับแก๊งชาวจีน 2,000 หยวน และคนที่รับซื้อก็ขายเธอไปให้กับบริษัทอื่นอีก 4,000 หยวน จากนั้นเธอถูกนายอาเหว่ยซึ่งเป็นชาวจีนบังคับให้ขายบริการทางเพศให้กับชาวจีนที่ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พยาบาลสาวจากย่างกุ้งได้ถูกข่มขืนจากนายอาเหว่ย จากนั้นบังคับให้เธอขายบริการทางเพศทุกคืน บางครั้งมีชายเข้าไปพร้อมกัน 2-4 คน ภายในห้องที่ล็อกจากด้านนอก มีอาหารให้วันละ 2 มื้อ ผ่านไป 1 สัปดาห์เธอจึงพยายามหลบหนีช่วงที่มีคนส่งอาหาร แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีด้วยสายไฟ-เข็มขัด
ต่อมาพี่ชายของเธอได้เดินทางไปช่วยเหลือที่เมืองปางซาง ทำให้แก๊งค้ากามย้ายเธอและหญิงสาวอีก 3 คนที่เป็นทาสบำเรอกามเหมือนกัน ไปยังเมืองป๊อก แต่ระหว่างทางคนคุมที่มีแค่ 3 คนได้แวะกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งทำให้เธอและคนอื่นๆ หลบหนีกระจัดกระจายเข้าไปกลางฝูงชน หนึ่งในเหยื่อที่ไปกับเธอพูดภาษาจีนได้ติดต่อกับคนรู้จักให้นำรถไปรับเธอและนวยนวยออกจากเมืองป๊อกไปยัง จ.เชียงตุง ในเขตของเมียนมา ทำให้รอดมาได้ 2 คน ที่เหลืออีก 2 คนไม่ทราบชะตากรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อพี่ชายไปรับเธอกลับถึงบ้าน ทางการเมียนมาได้มีหนังสือสัญญาให้เธอยืนยันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่นวยนวยไม่ยอมและหลบหนีไปยังประเทศอื่น โดยทำงานเป็นคนดูแลผู้สูงอายุ แต่ก็ต้องได้รับการเยียวยาเรื่องสภาพจิตใจด้วย
เซงเซง อายุ 18 ปี สาวชาวจีนที่เกิดในเมียนมาได้ไปทำงานเป็นคนแจกไพ่กาสิโน “ต้ายิง” ในเมืองเล่าก์ก่าย จนถึงปี 2564 จึงพานูนู ซึ่งเป็นน้องสาว ไปทำงานเป็นพนักงานบัญชีของบ่อนด้วย แต่ปลายปีเดียวกัน “ฉานที” ชาวจีนที่ดูแลบ่อนได้เรียกนูนูไปพบอ้างว่าเธอขโมยเงินไป 60,000 หยวน แม้เธอจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำและการเข้าถึงบัญชีไม่ได้ทำคนเดียวแต่มีผู้จัดการและคนอื่นๆ ด้วย แต่สุดท้ายเธอก็ถูกขัง ถูกทำร้ายและรุมข่มขืน ทั้งถูกขู่จะพาไปขายบริการทางเพศ หลังผ่านไป 8 วัน เธอก็กระโดดตึกห้องพักที่ถูกขังออกมาทางหน้าต่างจนเสียชีวิต ส่วนเซงเซงก็ทนรับสภาพไม่ได้จึงกลับเมืองล่าเสี้ยวเล่าเรื่องให้พ่อแม่ฟังจนทั้งคู่ถึงขั้นป่วยและนอนติดเตียง
จานพาน อายุ 19 ปี นักเรียนมัธยมสาวชาวคะฉิ่น เมืองน้ำคำ รัฐฉานตอนเหนือ ได้เข้าร่วมกับขบวนการต่อต้านรัฐประหาร ทำให้เธอได้ออกจากบ้านและต้องหางานทำ กระทั่งเดือน มิ.ย. 2565 ได้เห็นโฆษณาออนไลน์แลกกับเงินเดือน 20,000 หยวน จึงได้เดินทางไปยังเมืองโก๊กโก่พบกับชายชื่ออาซานซึ่งได้พาพวกเธอพร้อมหญิงสาวอีก 3 คนไปเมืองเล่าก์ก่ายแต่ไม่มีงานทำจึงเดินทางไปต่อยังเมืองปางซางและต่อไปยังเมืองป๊อก เมื่อไปถึงก็ถูกบังคับโดยแก๊งชาวจนให้ทำธุรกิจสื่อลามกออนไลน์ เมื่อถูกบังคับให้แสดงในสื่อลามกพวกเธอไม่ยินยอมจึงถูกจับเปลื้องผ้า จี้ด้วยปืนไฟฟ้า ขังไว้ในห้องน้ำโดยไม่มีอาหารเป็นเวลา 5 วันโดยทุกวันจะถูกช็อตด้วยไฟฟ้า เมื่อทนทรมานไม่ไหวจึงยอมทำงานแสดงถ่ายทำภาพนู้ด ถูกข่มขืน ถ่ายทำวิดีโอลามกขณะถูกร่วมเพศ ถูกทุบตีอย่างทารุณ ใช้น้ำเย็นราด ฯลฯ นาน 2 เดือนจนพ่อแม่เธอทราบจึงนำเงิน 12,000 หยวนไปขอไถ่ตัวออกมาได้ในสภาพบอบช้ำทั้งกายและใจ
นอกจากผู้คนในประเทศเมียนมาทุกชนชั้นจะประสบกับชะตากรรมจากกลุ่มจีนเทาในรัฐฉานแล้ว คนไทยจำนวนมากก็พบกับชะตากรรมเช่นเดียวกัน โดยทางตำรวจระบุว่ามีคนไทยได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศได้แล้ว 4 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 18 พ.ย. จำนวน 41 คน กลับเข้ามาทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย วันที่ 19 พ.ย. จำนวน 266 คน กลับเข้ามาทางท่าอากาศยานดอนเมือง วันที่ 24 พ.ย. จำนวน 23 คน กลับเข้ามาทาง อ.แม่สาย วันที่ 3 ธ.ค. จำนวน 83 คน กลับเข้ามาทางท่าอากาศยานดอนเมือง และวันที่ 5 ธ.ค. จำนวน 111 คน กลับเข้ามาทาง อ.แม่สาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 525 คน แต่ในจำนวนนี้ก็มีผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งคดีทั่วไปและคดีขบวนการหลอกลวงหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างน้อย 20 คน
จนตำรวจต้องขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วน โดยเน้นความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย หรือหากพบเบาะแสการหลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์แจ้งได้ทางสายด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
น.ส.ไก่ หญิงไทยที่เป็นเหยื่อมาจากเมืองเล่าก์ก่าย กล่าวว่า เธอเห็นคนใช้อวตารโพสต์จัดหางานในเพจท้องถิ่นเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อตกงานจึงหลงเชื่อเพราะเขาอ้างว่าจะพาไปทำงานที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พอตกลงก็มีคนจอง/จ่ายค่าตั๋วเดินทางให้พร้อม จนถึง อ.แม่สาย ก็มีรถยนต์ไปรับและพาลักลอบข้ามไปท่าขี้เหล็ก ก่อนจะบังคับให้พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่มีทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางต่อไปยังเมืองเล่าก์ก่าย
ตลอดทางในเมียนมา..รถที่ขนพวกตนจะติดสติกเกอร์ด้านหน้า เมื่อเจอด่านต่างๆ ในเมียนมาก็จะผ่านตลอดจึงใช้เวลาเพียง 1 วันก็ถึงเมืองล่าเสี้ยวและถูกพาไปยังเมืองล่าก์ก่ายต่อทันที
เธอกล่าวอีกว่า ในเมืองเล่าก์ก่ายเธอถูกบังคับให้ทำสัญญาจ้างงาน 1 ปี มีคนไทยอยู่ด้วย 50 คน มีชาวต่างชาติ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม จีน รัสเซีย ไต้หวัน ฯลฯ ทุกคนถูกบังคับให้ใช้ระบบ AI ปลอมตัวเป็นชายลูกครึ่งเกาหลีอายุ 38 ปี อยู่กรุงเทพฯ เปิดร้านอาหารอยู่เกาหลีใต้ จากนั้นให้วิดีโอคอลที่เป็นภาพปลอมคุยเหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงโสด มีอายุและการงานดี
เมื่อหลอกเป็นแฟนกันทางออนไลน์แล้วก็จะอ้างว่าธุรกิจเสียหายจากวิกฤตโควิด-19 จึงชักชวนให้เหยื่อช่วยลงทุนเทรด ช่วงแรกก็ได้กำไรคืนแต่เมื่อโอนเงินก้อนโตไปให้ก็จะปิดเว็บไซต์และบล็อกหนี แต่ตนทำงานไม่ได้เพราะแพ้บุหรี่จนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล
ต่อมาได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการสู้รบ และวันที่ 16 พ.ย.ทหาร MNDAA บุกเข้าไปในตึกแต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็พาพวกตนหลบหนีไปซ่อนตัวที่อื่นอีก 10 วัน แต่พวกตนหนีออกไปพบกับทหาร MNDAA จึงรอดออกมาได้ จากนั้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งที่พักและอาหารเป็นเวลา 3-4 วัน ก่อนทหาร MNDAA จะส่งพวกตนไปยังเมืองลาที่มี NDAA ที่รับช่วงต่อ พาลงเรือแม่น้ำโขงมาส่งที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในที่สุด
ด้านชายไทย 1 ใน 6 ที่หนีกลับมาเป็นกลุ่มสุดท้าย กล่าวว่า ตนและพรรคพวกหลายคนใช้บอเดอร์พาสเข้าไปในเมียนมา แล้วมีรถเก๋งไปรับสลับกับเดินเท้าเป็นเวลา 5 วัน 4 คืนจึงถึงเมืองล่าเสี้ยวและถูกส่งไปอยู่ตึกหมายเลข 9 ในเมืองเล่าก์ก่ายเช่นกัน จากนั้นถูกบังคับให้ใช้วอตส์แอปป์ติดต่อกับเหยื่อทางทวีปยุโรป โดยให้สร้างรายชื่อปลอมเพื่อการติดต่อกับเหยื่อวันละ 15-30 รายชื่อ เมื่อได้ข้อมูลของเหยื่อก็จะส่งให้อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งหากเราไม่ทำก็จะถูกทำร้ายด้วยการเฆี่ยนตี